‘ชัชชาติ’ สั่งทุกเขต เตรียม ศูนย์ CI รองรับผู้ติดเชื้อโควิด เตรียมจัดหาโมลนูพิราเวียร์ หลังเตียงใน กทม. เหลือไม่ถึง 50% มั่นใจรับมือได้ แนะประชาชน สวมหน้ากากอนามัย หลัง ศบค.ห่วงจัดกิจกรรมใน กทม. ทั้งดนตรีในสวน-หนังกลางแปลง พร้อมเป็นตัวอย่างให้ประชาชน สวมหน้ากากตอนวิ่ง
วันที่ 8 ก.ค. 65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนางสาว ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงสถานการณ์ โควิด19 ใน กทม. หลังประชุมร่วมกับศบค.เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังพบอัตราการครองเตียงในโรงพยาบาล สังกัด กทม.สามารถรองรับได้ กว่า 40% แต่ไม่ถึง 50% แต่ถือว่า อัตราการครองเตียงดังกล่าว ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ และได้เตรียมศักยภาพในการครองเตียงไว้รองรับแล้ว
โดยนายชัชชาติ มีความเป็นห่วงกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุ 60ปี และกลุ่มเสี่ยงโรงร้าย หรือ 6กลุ่ม 608 ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะติดเชื้อมาจากลูกหลานในวันทำงานที่พาเข้าติดได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในชุมชนแออัด จึงต้องรีบแยกผู้ติดเชื้อออกมา
ซึ่งกทม.ได้พิจารณาการฟื้น ทำศูนย์โควิดชุมชน หรือ Community Isolation (CI) โดยให้แต่ละเขต เตรียมความพร้อม ซึ่งเป้าหมายโดยเฉพาะคือชุมชนแออัด)
เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ
โดยเบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อวันละกว่า 2,000 คน ทั้งนี้ได้ให้เตรียมแผนสำรองยา เวชภัณฑ์ บุคลากร รวมถึงให้ศูนย์บริการสาธารณสุขเป็นด่านแรกในการตรวจโรค ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลของกรุงเทพมหานคร และเนื่องจากมียาชนิดใหม่คือ โมลนูพิราเวียร์ ก็จะต้องทำการจัดหาเพื่อทำสต็อกยาไว้รองรับล่วงหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
1 เดือนที่ผ่านมา ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ทำอะไรไปแล้วบ้าง ?
ชัยวุฒิ แจงดราม่าแขวะ ชัชชาติ PR เก่งกว่ารัฐ ชัชชาติ ยันไม่คิดอะไร
ศบค. เผย 23 จังหวัดแนวโน้มโควิดพุ่งสูง เป็น Small Wave ห่วง ก.ย. ระบาดสูง
นายชัชชาติ ยังบอกอีกว่า ในที่ประชุม ศบค.มีความกังวลเรื่องการจัดกิจกรรมในกรุงเทพต่างๆทั้งหนังกลางแปลง และดนตรีในสวน โดยกทม. ก็คงแนะนำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา แต่คงไม่ได้ยกเลิกการจัดกิจกรรม และให้เว้นระยะห่างเพื่อ ลดความแออัดตลอดการทำกิจกรรม เพราคงไม่สามารถออกข้อบังคับการสวมหน้ากากอนามัยกรุงเทพมหานครได้ เนื่องจากต้องปฏิบัติตามคำสั่งของ ศบค.ชุดใหญ่
โดยตนเองก็จะขอเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ โดยต่อไปถ้าวิ่งก็จะกลับมาใส่หน้ากากอนามัยในการวิ่งทุกเช้าด้วย
ทั้งนี้ ก็อยากจะให้ประชาชา โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเชื่อว่าสามารถป้องกันอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตลงได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ กทม.ยืนยันว่าจะดูแลให้
ส่วนการรับมือผู้ติดเชื้อในโรงเรียนสังกัด กทม. พบว่า ส่วนใหญ่โรงเรียนในสังกัดกทม.พบผู้ติดเชื้อแค่1%หรือกว่า 1800คน และส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อจะเป็นเด็กโต เพราะอาจจะเกิดจากการทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน ซึ่งขอให้โรงเรียน 437 แห่ง เตรียมแผนรับมือ จัดการเรียนในรูปแบบออนไลน์ให้พร้อม เบื้องต้น ให้ทุกโรงเรียนเปิดเรียนออนไซด์ได้ตามปกติ ส่วนแผนเผชิญเหตุ กรณีพบเด็กติดเชื้อ 1-2 คน ให้เข้าสู่กระบวนการรักษาทันที แต่หากพบมากกว่านั้น จนกลายเป็นคลัสเตอร์ขนาดใหญ่มากกว่า 1 ห้องเรียนให้ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถพิจารณาปิดเรียนได้ 3 วัน
ด้านนางสาวทวิดา บอกด้วยว่า โรงเรียนในกทม.ยังไม่มีคลัสเตอร์แบบมีนัยยะสำคัญ พร้อมยอมรับว่า การครองเตียงในกทม.เหลือ กว่า40% ไม่เกิน50% โดยพื้นที่โรงพยาบาลของกทม.โซนชั้นใน ยังตรึงตัว แต่โรงพยาบาลสังกัดกทม.รอบนอก ยังสามทรถรองรับได้ โดย สถานการณ์ใน4-5วันนี้มั่นใจว่า ยังสามารถรองรับได้ดีอยู่แน่นอน