ทราย เจริญปุระ แชร์ประสบการณ์ เมื่อประกันชีวิตไม่ครอบคลุม ค่ารักษาซึมเศร้า

จากกรณีแร็ปเปอร์ชื่อดัง "UrboyTJ" หรือ "เต๋า จิรายุทธ" ได้ออกมาอัปเดตอาการว่าโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์ที่เผชิญอยู่นั้น เข้าสู่ขั้นวิกฤตแล้ว เนื่องจากรู้สึกหมดไฟในชีวิต จนได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างไป แต่โชคดีที่ไม่สำเร็จ จึงขอพักงานทั้งหมด เพื่อเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล

แต่กระทั่งเมื่อวานนี้ (5ก.ค.65) UrboyTJ ได้ออกมาโพสต์ไอจีสตอรี่อีกครั้ง หลังเข้ารับการรักษาแบบ "Electroconvulsive Therapy" ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พร้อมเขียนข้อความสุดเดือดว่า "ค่ารักษาพยาบาล 6 แสน ไม่ต้องรักษากูก็ได้นะ ถ้าจะแพงขนาดนี้สัสนรก ปล่อยกูไปตามทางของกูเถอะ"

งานนี้ทำให้สังคมถกเถียงสนั่น ถึงประเด็นค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โดยล่าสุดนักแสดงชื่อดัง "ทราย เจริญปุระ" ที่เคยเผชิญกับโรคซึมเศร้าถึง 2 รอบ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว พร้อมหยิบยกประสบการณ์ตรงของตัวเอง เพื่อให้ข้อมูลการรักษาพยาบาลไว้ว่า

"จากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ประกันชีวิต(ถ้ามี) คือไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายใดๆ ทางจิตเวชเลย เต๋ารักษาด้วยวิธี ECT นอกจากรักษาและต้องแอดมิตดูอาการ กินยาต่อเนื่องด้วย"

"ตอนแม่ทรายที่ประเมินว่าต้องรักษาด้วยวิธี ECT นี้ ทรายก็ต้องโยกเอาประวัติแม่มาที่ศรีธัญญา เพื่อรับการรักษา เพราะยอมรับว่าสู้ค่าใช้จ่ายที่เอกชนที่รักษาอยู่เดิมไม่ไหว ก็มาตรงนี้เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ก็จะเป็นสิ่งแวดล้อมแบบรพ.รัฐ ซึ่งมีปัญหาพอสมควรสำหรับคนป่วยเหมือนกัน เพราะแม่ทรายไม่ชิน และเค้าไม่ได้จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆค่ะ ก็ให้นอนวอร์ดวีไอพีไป แพงแต่ก็ยังถูกกว่าเอกชน"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• คนบันเทิงเคยเผชิญโรคซึมเศร้า สู้จนก้าวผ่านมาได้

• ทราย เจริญปุระ เผยในอดีตเคยโดนมุกบูลลี่บนเวที ลั่นในใจรู้สึกแย่มาก

• UrboyTJ โพสต์ตัดพ้อค่ารักษาเกือบล้าน หลังเข้ารักษาโรคซึมเศร้า

"แม่ทรายทำประกันชีวิต+สุขภาพไม่ได้ตั้งแต่ต้น เพราะมีประวัติทางจิตเวช กินยามาตั้งแต่ยังสาว ทำได้แต่ประกันอุบัติเหตุอะไรพวกนี้ การมีประวัติทางจิตเวช คืองานยากที่สุดในการขอประกัน ยากแบบเปอร์เซนต์ได้แทบจะเป็นศูนย์"

"นอกจากจะหยุดยามาเกินปี+ไม่มีประวัติทำร้ายตัวเองเลย+ยินยอมให้ทางบ.ประกันเข้าถึงประวัติการรักษา+ค่าเบี้ยเพิ่ม ก็อาจจะทำได้แบบบางกรณี แต่ถึงทำได้ ก็จะไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางจิตเวช (ถ้ากลับไปกินยาอีก) และอาการบางอย่างที่อาจจะเป็นผลต่อเนื่องมา"

"ทรายทำประกันชีวิตไว้ก่อนเป็นซึมเศร้า นี่ที่จริงจังกับการพยายามหยุดยาก็เพราะอยากทำประกันสุขภาพ+โรคร้ายแรงเพิ่ม ตอนนี้ผ่านแล้วแต่ก็ตามเงื่อนไขข้างบน คือเคสบายเคสมาก แทบจะสาธุกับตัวแทนสุดๆ เป็นกำลังใจให้เต๋าและทุกคนที่สู้อยู่นะคะ"

ทั้งนี้สาวทราย ยังคอมเมนต์เพิ่มเติมใต้โพสต์ของตัวเอง แนะนำให้ผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้า ทำประกันสุขภาพไว้ด้วย ข้อความว่า "ใครมีกำลังพอทำประกันได้ ทำเถอะค่ะ เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆทั้งสิ้นนะ แต่ประกันสุขภาพคือค่าใช้จ่ายที่คุ้มจริงๆ ในประเทศนี้ ที่มี30บาทก็ยังต้องไปรบกับคิวในรพ. ละคือป่วยซึมเศร้า เดินออกจากห้องนอนก็ยากแล้ว"

"การไปรอหมอทีละหนึ่งวัน กว่าจะเจอ กว่าจะลองกินยา กว่าจะปรับยาลงตัว คือคุณต้องออกไปแฮ่กแบบนี้หลายรอบมาก ร่างกายดีๆ อายุยังน้อย มีกำลังลองบริหารเงินค่าประกันชีวิต/ประกันสุขภาพดูค่ะ ถ้าทำก่อนป่วยมันคัฟเวอร์ได้ มากน้อยก็ดีกว่าแบกเองเต็มๆ อย่าไปคิดว่าจ่ายฟรี ไม่เห็นได้ใช้ หรืออะไร เวลาต้องใช้แล้วไม่มี มันคือเศร้ามากๆ"

และนอกจากนั้นสาวทรายยังฝากข้อความไปถึง UrboyTJ ที่กำลังเผชิญอยู่กับโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์ด้วยว่า อยากให้งดเล่นโซเชียลสักพัก พร้อมกับเล่าประสบการณ์ตัวเองตอนรักษาตัว

"กับอีกอย่าง คือ อยากให้เต๋างดใช้เฟซ/ทวิต/ไอจีไปก่อนค่ะ ช่วงเราเป็น เราก็พูด พูดทุกอย่างในหัว มากบ้างน้อยบ้างก็ว่ากันไป คือมันพร่างพรูมากในบางวัน และมันเป็นอารมณ์ที่ลบมากๆ เจอคอมเมนต์เข้าใจก็ดี บางวันต่อให้เป็นคอมเมนต์ให้กำลังใจก็ยิ่งหดหู่ มันเหมือนเค้าไม่รู้หรอกว่าเราเป็นไง เค้าไม่เข้าใจเราหรอก"

"แต่ถ้าเจอแบบลบๆ คือนรกมาก มันจะโบยตีตัวเองซ้ำไปอีก ว่าเราแย่แบบนั้น โง่แบบนั้น สมควรแล้วที่ต้องเจอแบบนี้ หรือไม่เราก็จะพลิกไปเป็นคนเกรี้ยวกราด โกรธโลก ขมขื่นไปเลยค่ะ คือเราผ่านมาทุกเคสแล้ว จนต้องหยุดใช้หยุดเล่น"

"เพราะพอย้อนมาเห็น มันรู้สึกแย่มากๆนะ ทำไมเป็นคนแบบนี้ ทำไมเราขมขื่นbitter แล้วมันอยู่ไปตลอด เราอาจพูดด้วยอารมณ์ที่มันลบมากๆ วูบเดียว แต่มันกำหนดภาพที่คนมองเราไปเลย ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรเล่า ไม่ควรระบายนะคะ แต่พื้นที่โซเชียลเดิมพันมันสูงเกินไปจริงๆ"