แบรนด์รถหรูชั้นนำของโลกอย่าง Ferrari ได้วางแผนที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริดและยังตั้งเป้าคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2030 นี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของบริษัท
เฟอร์รารี ได้ตั้งเป้าหมายที่จะปรับสัดส่วนการผลิตรถยนต์มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดเป็นหลัก คือ รถยนต์ไฟฟ้า 40% รถยนต์ไฮบริด 40% และอีก 20% เป็นรถยนต์แบบสันดาปหรือรถน้ำมันนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น เบเนตเดตโต วีญญา ผู้บริหารระดับสูงของเฟอรารี ได้เปิดแผน E-Building แห่งใหม่ที่จะพร้อมสร้างสรรค์และผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ
ปัจจุบันจากสถิติในปี 2021 บริษัทเฟอร์รารีได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมสูงถึง 622,000 ตัน แม้เฟอรารีจะไม่ได้ผลิตรถจำนวนมาก บริษัทจึงตั้งเป้าหมายลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการเปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลและโลหะที่ Eco-Friendly เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากวัตถุดิบในการผลิต
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการรถยนต์ระดับซุปเปอร์คาร์อย่าง Ferrari ที่ได้มีการวางแผนและขยับตัวเกี่ยวกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและแบบไฮบริด ข้อมูลนี้ทำให้เราเห็นว่าเร็วๆนี้รถยนต์สันดาปกำลังจะหมดไปและรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดจะเข้ามาแทนที่อย่างแน่นอน