“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ” แจงแล้ว ปมบ้านหรู 72 ล้านที่สหรัฐฯ เป็นของ “แสนปิติ” ใช้เงินจากการขายที่ดินมรดกซื้อมา ย้ำทำถูกต้องทุกขั้นตอน ยันไม่กลัวถูกตรวจสอบ
จากกรณีที่โลกโซเชียลข้อมูลเกี่ยวระบุว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. มีบ้านพักในเมืองซีแอตเทิล ตั้งอยู่เลขที่ 201 South Jackson Street, Room 708 Seattle สหรัฐฯ เป็นบ้านหลังใหญ่ขนาด 2 ชั้น พื้นที่ 3250 ฟุต 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ด้านหน้าและบริเวณโดยรอบมีสนามหญ้าและต้นไม้ โดยบ้านหลังดังกล่าวมีมูลค่าถึง 72 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก
ล่าสุด นายชัชชาติ เปิดเผยเรื่องนี้ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า ในเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน บ้านนี้เป็นของลูกชายตนเองก็คือนายแสนปิติ ซึ่งหากย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อน ตนเองได้รับที่ดินมรดกแถวพระราม 4 ซึ่งแบ่งกับพี่ชายคนละครึ่ง (คนละไร่) โดยในเรื่องนี้ชี้แจงไปยัง ป.ป.ช. ชัดเจน และตนเองก็โอนให้ลูกชายในทันที เพราะอยากให้ลูกชายได้มีทรัพย์สินในอนาคต ต่อมามีคนไปขอซื้อจึงได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวไปโดยตนเองเป็นผู้จัดการทรัพย์สินและได้เงินมาก้อนหนึ่งซึ่งมีมูลค่าพอสมควร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ชัชชาติ เผยข้อมูลหลังปลดล็อกกัญชาเสรี กทม.เจอคนเสพเกินขนาดดับแล้ว 1 ราย
• ชัชชาติ พ่อผู้ไม่ยอมแพ้เพื่อลูก "แสนดี" จากผู้พิการการได้ยินสู่บัณฑิตใหม่
• ส.ว.วันชัย โพสต์ชื่นชมชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ยกให้เป็นความหวังใหม่ของคนไทย
โดยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่นายแสนปิติไปเรียนที่อเมริกา ซึ่งตนเองได้วิเคราะห์ว่าในตอนนั้นอสังหาฯ ที่อเมริกาไม่แพงมาก ประกอบกับตอนนั้นดอกเบี้ยต่ำ จึงใช้เงินที่ได้จากการขายที่ดินมรดกไปซื้อบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นมูลค่าบ้านอยู่ที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ได้แพงมากสำหรับสถานการณ์ตอนนั้นเทียบกับดอกเบี้ย และต้องใส่เป็นชื่อของภรรยาตนเองเพราะลูกชายยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยการซื้อบ้านเพราะต้องการให้ลูกชายได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและภรรยาของตนเองก็ไปดูแลลูกชายที่นั่น
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า พอลูกชายเรียนจะจบจึงคิดว่าอยากจะขายบ้านดังกล่าว จึงได้ไปศึกษากฎหมายของซีแอลเทิล ซึ่งทีมปรึกษากฎหมายแนะนำว่าให้โอนบ้านเป็นชื่อลูกชายดีกว่าเพราะเป็นเรื่องการนับระยะเวลาของการอยู่ในบ้าน จะเสียภาษีถูกกว่า จึงได้ทำเรื่องโอนไปตามปกติ มีหลักฐานชัดเจนสามารถตรวจสอบได้ทางออนไลน์อยู่แล้ว ซึ่งลูกชายก็เป็นเจ้าของบ้านตัวจริงด้วย เพราะใช้เงินของเขาซื้อ เป็นเรื่องตรงไปตรงมา โดยเรื่องนี้ตนเองยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากเพราะจากบ้านราคา 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นมาในราคา 2 ล้านกว่าเหรียญ เป็นการบริหารจัดการได้ดี
ทั้งนี้ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ได้ชี้แจง พร้อมยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีอะไร มีหลักฐานชัดเจน ตั้งแต่การยื่น ป.ป.ช. เรื่องที่ดิน หลักฐานการโอนที่ดินให้ลูกชาย หลักฐานว่าศาลให้เราดูแลเงินก้อนนี้ให้ลูกชายเพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะ และการซื้อก็มีการโอนเงินมามีชื่อปรากฏอยู่ สามารถตรวจสอบได้ซื้อเท่าไหร่ และบ้านดังกล่าวตอนซื้อไม่ได้ซื้อ 70 ล้านบาท แต่ซื้อที่ราคาอยู่ที่ 40 กว่าล้านบาท ถ้าเทียบกับเงินที่เป็นของลูกชายที่ขายที่ดินได้จากมรดกมีเหลือเยอะกว่านี้อีก ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งการที่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้เพราะช่วง 8 ปีที่ผ่านมาตนเองไม่ได้อยู่ในการเมือง