จากกรณีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เพิ่งผ่านการพิจารณาในสภาในวาระแรก ทำให้เกิดสุญญากาศในการควบคุม และความกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมา เมื่อใครๆ ก็สามารถเข้าถึงกัญชาได้
ว่าด้วยเรื่องยอดฮิต ณ ช่วงเวลานี้ของประเทศไทย ประเทศที่กัญชาเสรี ในช่วงเวลาหนึ่งก็ว่าได้
ย้อนไปดูที่เจตนา ก็ดูทรงว่าดี เพื่อการแพทย์ เพื่อการเป็นพืชเศรษฐกิจ
แต่ไทม์มิ่งในการขับเคลื่อน มันดูคลาดเคลื่อนจนน่าใจหาย
ผลการปลดล็อกกัญชาเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้เป็นพืชที่ไม่ผิดกฎหมาย
ขณะที่ไม่มีกฎหมายเพื่อการควบคุมมารองรับ
ร้อนถึงกระทรวงสาธารณสุข ต้องงัดเอา พ.ร.บ.เดือดร้อนรำคาญมากางใช้แก้ขัดไปก่อน
นั่นแค่ผิวเผินของปัญหาที่เกิดตามมา
มองให้ลึกไปกว่านั้น ณ วันนี้ วันที่ร้านค้ากัญชาผุดกันเป็นดอกเห็ด
ผุดกันขึ้นมาในวันที่กฎหมายปลดล็อกมีผล สต็อกของเต็มร้าน มายังไง ?
แต่เราลืมคิดกันไปหรือไม่ว่า
ทุกวันนี้เด็กอายุไม่ถึง 20 เดินเข้าไปขอซื้อกัญชา ก็ไม่มีกฎหมายห้าม
ไม่มีทั้งกฎหมายห้ามซื้อ และกฎหมายห้ามขาย
ที่ไม่มีเพราะ พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่ใช้ในการควบคุมเรื่องนี้ มันค้างเติ่งอยู่ในสภาฯ
คลอดตามออกมาไม่ทันการปลดล็อก มันจึงเกิดสุญญากาศก้อนมหึมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตือน กัญชา ไม่ควรใช้กับเด็กและวัยรุ่น ยกเว้นทางการแพทย์เท่านั้น
หมอธีระ ยกเคสหนุ่มมะกันดับ หลังกิน "คุกกี้กัญชา" ห่วงไทยบริโภคไร้การควบคุม
กรมอนามัย คุมเข้มเมนู "กัญชา" หวั่นกินเกินขนาด แนะทำอาหารควรใช้แค่ 1-2 ใบ
กระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด วันที่ 9 มิ.ย.
ส่วน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กฎหมายหลัก เพื่อใช้การกำกับควบคุม
สภาฯ เพิ่งรับหลักการเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. โดยมีสาระสำคัญคือ
ให้กัญชาเป็นพืชที่ปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือนโดยต้องขอจดแจ้งก่อน
ให้กัญชาเป็นพืชที่ปลูกใช้เพื่อรักษาสุขภาพเป็นหลัก
การผลิต (ปลูก) นำเข้า ส่งออก หรือ จำหน่ายกัญชา
ต้องมีการจดแจ้งและมีค่าใช้จ่ายในการจดแจ้ง
ส่วนข้อกำหนดควบคุมที่สำคัญก็คือ...
ห้ามขายกัญชาเพื่อการบริโภค แก่ผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี , สตรีมีครรภ์ , สตรีให้นมบุตร
เว้นแต่แพทย์อนุญาต หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นี่ยังไม่นับรวมการห้ามโฆษณา ก่อนได้รับอนุญาต
และการคุ้มครองผู้ที่ได้รับอันตรายจากการบริโภค กัญชา กัญชง ด้วย
แต่กว่ากฎหมายลูกฉบับนี้จะผ่านจนมีผลบังคับใช้
ก็น่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ่
ระยะเวลานี้ จึงเป็นช่วงสุญญากาศ แห่งการเสพ
ความบันเทิงที่ไร้ขีดจำกัด
และความอันตรายที่ไร้การปกป้อง คุ้มครอง
โปรดใช้วิจารณญานในการเสพ จึงตามมา
จึงไม่แปลกใจที่ว่า ช่วงนี้เราอาจได้เห็นข่าวผลพวง ความเสียหาย
ความล่อแหลม และการให้ความเห็นทางการแพทย์
ถึงความเสี่ยง ความน่ากังวล ต่างๆ นานา ออกมาไม่ขาดสาย
ก็ให้นึกย้อนไปถึงเรื่องการออกข้อบังคับใช้เรื่อง คาร์ซีท
บทจะมาก็มา ผลที่ตามมาคือไปไม่รอด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องขอขยายเวลาบังคับใช้
อันเนื่องมาจาก สินค้าราคาแพง ผู้คนเตรียมตัวไม่ทัน
ทั้งสองเรื่อง (กัญชา และคาร์ซีท) ถือเป็นเจตนาดี และเป็นเรื่องดี
ในการคิดที่จะบุกเบิก ปรับเปลี่ยน
เหมือนเช่น ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง ที่จะบังคับใช้เรื่องหมวกกันน็อก
เข็มขัดนิรภัย การทำ พ.ร.บ.ผู้ประสบภัย บุคคลที่สาม
แรกเริ่มมีข่าวว่าจะบังคับ ก็มีเสียงสะท้อนตามมาทั้งสิ้น
แต่ปลายทางต่อมา ก็ปฏิบัติตามกันด้วยดี
ส่วนเรื่องกัญชา กัญชง ดันเกิดสุญญากาศทางกฎหมาย
ที่ดูๆไปแล้วก็ งงๆ กับกระบวนการขั้นตอนที่จะประกาศใช้กฎหมายสำคัญ
การกำหนดกรอบ มาทีหลังการอนุญาต
มองยังไงก็ไม่พ้นเรื่องการเมือง ที่ต้องดันออกมาให้ได้
แม้ไม่มีกรอบการควบคุม ดูแล ก็ตาม
ถ้ารอบคอบ และรอบด้าน มากกว่านี้ จะงดงาม แต่
สุดท้ายก็ดันออกมาจนได้ ไม่ได้โม้....
พี่น้องชาวไทย ตั้งสติรับกันดีๆ
สถาบันครอบครัว ต้องมีองค์ความรู้เพียงพอที่จะอธิบายลูกเด็กเล็กแดง
เพราะจากนี้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
โฆษณาชวนเชื่อ อาจลุกลาม และเข้าถึงตัวได้ไวกว่าที่คิด
ผู้ค้า ผู้ขายก็ช่วยยับยั้งชั่งใจ
แม้กฎหมายไม่มี ก็คัดกรองผู้ซื้อเองได้ด้วยจิตสำนึก
จนกว่าจะถึงวันนั้น
วันที่คอกล้อมเสร็จ วัวคงยังไม่ไปไกล
หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...