เพื่อการฟื้นฟูสัตว์น้ำวัยอ่อน กรมประมงจึงประกาศปิดอ่าวไทยตอนในรูปตัว ก ใน 8 จังหวัด 15 มิ.ย. - 30 ก.ย. 2565 นี้ เพื่อฟื้นฟูฤดูวางไข่สัตว์น้ำ เช็กเครื่องมือประมงที่อนุญาต ที่นี่
ประชากรสัตว์น้ำในประเทศไทยอยู่คู่กับการประมงมาช้านาน แต่ปัจจุบันหลังจากวิกฤตโควิด-19ได้ผ่านไป การประมงกลับมาคึกครื้นมากขึ้นในการจับสัตว์น้ำ แม้ในช่วงการปิดพื้นที่และการท่องเที่ยวในภาคใต้ช่วงการระบาดของโควิด-19 จะทำให้สัตว์น้ำได้ฟื้นฟูไปมาก แต่ปัญหาการจับสัตว์น้ำเกินขนาดและการจับสัตว์น้ำวัยอ่อนขึ้นมาก็ยังคงมีอยู่และยังคงเป็นปัญหาที่กรมประมงต้องหาทางเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด
ดังนั้น กรมประมงจึงได้ใช้มาตรการปิดอ่าวไทยเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้รับการยืนยันทางวิชาการแล้วว่า การบังคับใช้สอดคล้องกับวงจรชีวิตปลาทู สามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืน และขอความร่วมมือพี่น้องชาวประมงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐเพื่อการดูแลบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ของประเทศให้ยั่งยืน
เพื่อการอนุรักษ์ต่อประชากรสัตว์น้ำที่กำลังลดลงเรื่อย ๆ กรมประมงจึงประกาศใช้มาตรการการบริหารจัดการทรัพยากรในช่วงที่สัตว์น้ำเริ่มวางไข่และเลี้ยงดูตัวอ่อนในทะเลอ่าวไทยตอนใน (อ่าวรูปตัว ก) ประจำปี 2565 โดยมีทั้งหมด 2 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 : ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2565 ในพื้นที่จับสัตว์น้ำอ่าวไทยตอนใน บางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพรชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
ช่วงที่ 2 : ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565 ในพื้นที่จับสัตว์น้ำอ่าวไทยตอนใน ด้านเหนือบางส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยเริ่มจากอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และสิ้นสุดที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,650 ตารางกิโลเมตร
เครื่องมือประมงที่อนุญาต
มาตรการนี้ไม่ได้บังคับการประมงทุกประเภท แต่จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะเครื่องมือประมงบางชนิด ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประมงพื้นบ้านล่องเรือบุกเจ้าพระยา รณรงค์งดจับ-ซื้อ-ขายสัตว์น้ำวัยอ่อน
เช็กที่นี่ สัตว์น้ำวัยอ่อน ต้องมีขนาดเท่าไหร่ถึงบริโภคได้นะ?
การทำประมงเกินขนาดเริ่มมาจากไหน ทำความเข้าใจ วิกฤตอาหารทะเล Overfishing
วันนี้โลตัสเรียงปลายังไง เปิดวาร์ปแฟนเพจมาแรง "ศิลปะที่ซ่อนอยู่ในห้างฯ"
อาจารย์ธรณ์ประกาศข่าวดี โลมาอิรวดีกำลังได้เป็นสัตว์สงวนแห่งชาติแล้ว
11.จั่น ยอ แร้ว สวิง แห เบ็ด สับปะนก ขอ ลอบ ฉมวก
12.เครื่องมืออื่นใดที่ไม่ใช้ประกอบเรือกลขณะทำการประมง
13.เรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส ที่ใช้เครื่องยนต์มีกำลังแรงม้าไม่ถึง 280 แรงม้า ประกอบกับ
สำหรับการใช้เครื่องมือในข้อ 2 3 4 5 6 และ 7 จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯ ที่ออกตามมาตรา 71 (1) และเครื่องมือที่ใช้ทำการประมงต้องไม่ใช่เครื่องมือที่กำหนดห้ามใช้ทำการประมงตามมาตรา 67 มาตรา 69 หรือ มาตรา 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสามสิบล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย
การปิดอ่าวฯ จะส่งผลให้การจับปลาหรือสัตว์น้ำเศรษฐกิจโดยรวมให้ได้รับการปรับตัวสูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มปลาผิวน้ำ เช่น ปลาสีกุนเขียว ปลาหลังเขียว และปลาตะเพียนน้ำเค็ม และสำหรับปลาทู ลูกปลาที่เกิดใหม่จะเริ่มว่ายเข้าหาฝั่ง ซึ่งกรมประมงได้ประกาศปิดอ่าวต่อเนื่องบริเวณเขตชายฝั่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน เพื่ออนุรักษ์ลูกปลาทูที่เกิดใหม่
หลังปลาทูสาวออกหากินและสามารถเลี้ยงตัวเองได้ จนพวกมันมีขนาดประมาณ 11-12 ซม. หลังจากนั้นพวกมันจะเริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่อ่าวไทยตอนใน หรือก็คืออ่าวไทยรูปตัว ก และฝั่งตะวันตกในช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคมในช่วงเวลาดังกล่าวเราจะพบปลาทูที่มีขนาด 14-15 ซม. ซึ่งเรียกว่า ปลาทูสาว
ปลาทูสาวที่อยู่หากินในพื้นที่ จะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ และเริ่มเคลื่อนเข้าสู่ก้นอ่าว หรือพื้นที่ปิดฝั่งเหนือช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ในช่วงเวลาดังกล่าวพบปลาทูมีขนาด ประมาณ 16-17 ซม. ซึ่งเป็นขนาดพ่อแม่พันธุ์ เริ่มมีไข่ ปลาทูกลุ่มนี้จะเลี้ยงตัวอยู่ในบริเวณอ่าวไทยตอนในจนปลายปี เมื่อมีความพร้อมที่จะวางไข่ ปลาทูกลุ่มนี้จึงเริ่มอพยพเคลื่อนตัวลงสู่แหล่งวางไข่ในอ่าวไทยตอนกลางอีกครั้ง
เมื่อมาพิจารณาผลจับปลาทูจากเครื่องมือประมงพาณิชย์เฉพาะในพื้นที่อ่าวไทยตอนใน พบว่าปี 2564 มีปริมาณการจับเท่ากับ 3,849 ตัน เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2563 ถึง 2,159 ตัน (ปี 2563 ที่มีผลจับปลาทู 1,690 ตัน) ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดมาตรการ
ดังนั้น การดำเนินตามมาตรการจึงต้องมีต่อไป เพื่อคุ้มครองสัตว์น้ำมิให้ถูกจับก่อนที่จะมีโอกาสได้ผสมพันธุ์และวางไข่ หรือถูกจับก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจบนฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สมดุลภายในขีดความสามารถของระบบนิเวศ และจะเป็นหนทางในการนำปลาทูกลับฟื้นคืนความสมบูรณ์