4 ทนายดังโต้กลับ "เต้ มงคลกิตติ์" โทรข่มขู่ให้หยุดวิจารณ์แม่แตงโม ทนายษิทรา ซัด "รับเงินเดือนประชาชน แต่ไปอวยมิจฉาชีพ สร้างพยานหลักฐานเท็จ ปกป้องคนกระทำผิดอย่างผู้ร้ายข้ามชาติ" ขณะที่ทนายเดชา-ทนายรณณรงค์ ลั่นนิ่งไม่ได้ ต้องดำเนินคดี
ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นประเด็นใหญ่และเริ่มบานปรายไปซะแล้ว สำหรับกรณีคลิปเสียงเต้มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ทีมทนายชุดปัจจุบันของแม่แตงโม กับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ อดีตทนายความของ แม่แตงโม ที่มีประเด็นเรื่องของการโทรศัพย์ข่มขู่ให้ทนายเดชาหยุดวิจารณ์คดีแตงโมตกเรือ ซึ่งคลิปดังกล่าว มีความยาวประมาณ 3 นาที เนื้อหาระบุประมาณว่า
นายมงคลกิตติ์ โทรถามทนายเดชาว่า “จะหยุดขู่แม่แตงโมได้หรือยัง ถ้าพี่เดชาเงียบได้จะดีมาก อย่าให้ผมต้องลงมือกับพี่นะ เวลาผมลงมือกับพี่ไม่ใช่กฎหมายอย่างเดียวนะ พูดตรง ๆ พี่เข้าใจคำว่านักการเมืองไหม ถ้าพี่เดชาหยุดผมจะไม่ทำอะไรพี่ แต่ถ้าไม่หยุด ผมจะไม่ถือว่าพี่เป็นเพื่อนละ”
ทนายเดชา ก็ตอบว่า “ก็พูดไปตามหลักกฎหมาย พูดไม่ได้หรือไง ก็ให้ความรู้ทางกฎหมาย แล้วแบบนี้ ทนายตั้ม ทนายรณรงค์ ต้องเตือนไหม”
นายมงคลกิตติ์ ก็ระบุว่า “ผมเตือนหมดทุกคน ผมเตือนครั้งสุดท้าย ไม่อย่างนั้นผมจะใช้วิธีนอกระบบ ถ้าอยากลองก็เจอกัน ถ้าคิดว่าแน่นะ ให้หยุดทุกคน ไม่งั้นจะจัดการหมดทุกคน เวลาดำเนินคดี ผมดำเนินคดีที่ศาล จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มาดำเนินคดีแถวนี้ และกลับมาไม่ได้ด้วยนะ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดเช้านี้ ทนายเดชา ยื่นหนังสือถึง พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม กรณีถูกนายมงคลกิตติ์ ข่มขู่ พร้อมได้นำหลักฐานคลิปเสียงการสนทนามาให้กับพนักงานสอบสวนด้วย
ด้านทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้โพสต์ข้อความในเพจ ระบุว่า “วันที่คุณไม่เกี่ยวข้องกับคดี คุณนี่จุ้นยิ่งกว่าใครจนเจอฟ้อง ตอนนี้ได้รับแต่งตั้งไม่กี่วัน ขู่เป็นหมาหน้า 7-11 เลย เป็นแค่คนปัดเศษ กลับหลงระเริง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มขู่ คนนั้น คนนี้ ที่พูดจาไม่เข้าหู คิดว่าเขากลัวคุณกันหรือไง ถ้าช่วยเพราะเจตนาดี ใครเขาก็ดูออก แต่นี่รับเงินเดือนประชาชน แต่ไปอวยมิจฉาชีพ คนที่สร้างพยานหลักฐานเท็จ ปกป้องคนกระทำผิดอย่างผู้ร้ายข้ามชาติ หมดศรัทธาครับ”
ขณะที่ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้โพสต์ข้อความในเพจ เช่นกัน ระบุว่า “ทำงานมาเป็นสิบๆปีเจอคนขู่มาก็เยอะ ทั้งตำรวจ ทหาร มาเฟีย มือปืน ถ้ากลัวคงไม่มายืนอยู่จุดนี้หรอกครับ แต่ส่วนนึงผมก็เข้าใจแหละคนที่เสียผลประโยชน์เค้าก็ย่อมไม่ชอบเราเป็นธรรมดา แต่เห็นขู่ผ่านสื่อเราคงนิ่งไม่ได้ ต้องดำเนินคดีเพราะเดี๋ยวประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเด็กๆมาเห็นจะเอาเป็นแบบอย่างคิดว่าการข่มขู่กันผ่านสื่อสามารถทำได้ไม่มีกฎหมายเอาผิด”
ด้านทนายรัชพล ศิริสาคร ระบุเช่นกันว่า “เจอแรงกดดันแค่นี้ก็หัวร้อนสันดานโผล่ซะแล้ว เด็กกับผู้ใหญ่มันต่างกัน ผู้ใหญ่เค้าจะรู้จักควบคุมอารมณ์ รู้ดีชั่ว ส่วนเด็กๆ อยากทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่สนใจกฎหมาย ทำตามใจตัวเอง อะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะงอแง หรือบางทีก็เน้นใช้แต่กำลัง เพราะสมองสู้เค้าไม่ได้ เป็นผู้ทรงเกียรติ ควรทำตัวให้น่าเคารพกว่านี้ ฝากไว้ให้คิด”