"นุ๊ก สุทธิดา" เปิดใจหลังเผชิญปัญหาโรครุมเร้า พร้อมเล่าวินาทีต่อสู้โรคมะเร็งไทรอยด์ จนอาการดีขึ้น แต่ต้องพบหมอทุก 3 เดือน
เรียกว่าเป็นหญิงแกร่งของวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ สำหรับนักแสดงสาว "นุ๊ก สุทธิดา" ที่เจอมรสุมชีวิตโรครุมเร้า ทั้งโรคซึมเศร้าและโรคมะเร็งไทรอยด์ แต่เธอก็ไม่เคยท้อแท้กับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา เลือกมองชีวิตคิดบวก เพื่อลุกขึ้นสู้กับปัญหาสุขภาพครั้งใหญ่ในชีวิต
ล่าสุด นุ๊ก สุทธิดา ได้ออกมาเปิดใจถึงโรคร้ายที่เข้ามาเป็นบททดสอบในชีวิต ผ่านรายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ทางช่องเวิร์คพอยท์ กับพิธีกรตัวแม่ "หนูแหม่ม สุริวิภา" เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังใจและแรงบันดาลใจดีๆให้กับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพเช่นเธอ
เรื่องโรคมะเร็งตอนนี้รักษายังไงบ้าง?
"ก่อนหน้านี้มีกลืนแร่ เป็นขั้นตอนในการรักษา คล้ายๆกับการให้คีโม แต่การเป็นมะเร็งไทรอยด์ก็จะใช้วิธีการกลืนแร่อะไรแบบนี้ จริงๆอาการไม่มีอะไรเลยสำหรับมะเร็งไทรอยด์เหมือนคนปกติทั่วไป แต่ว่าเราจะสังเกตได้ว่ามีอะไรบวมๆออกมา เริ่มต้นนุ๊กอาจมีระบบขับถ่ายไม่ค่อยดี ไทรอยด์มันจะเป็นต่อมๆนึงที่ส่งไปทั่วร่างกาย จะเป็นความกระตือรือร้น ระบบขับถ่าย ผิว ผม มันจะเกี่ยวกับไทรอยด์หมดเลย
นุ๊กมารู้ว่าเมื่อก่อน 9โมง เราจะขับถ่ายทุกวัน เป็นอย่างนี้มาตลอด40ปี ไม่เคยเลทเลย เราเริ่มรู้สึกว่าทำไมมันเลทไปชั่วโมงนึง มันจะเริ่มจากชั่วโมง สองชั่วโมง และก็เริ่มกลายเป็นหกชั่วโมงอะไรแบบนี้ เราก็เลยรู้สึกว่ามันผิดปกติ ก็เลยไปหาหมอ ไปส่องกล้อง ดูลำไส้อะไรแบบนี้ พอหาไม่เจอไปปีกว่าๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนมันโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และเพื่อนที่เป็นหมอก็ทักว่าลองไปตรวจดูหน่อยไหม"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นุ๊ก สุทธิดา เล่าประสบการณ์หน้าเบี้ยว เตือนอย่าเสิร์ชกูเกิล ซื้อยามาทานเอง
นุ๊ก สุทธิดา ตัดใจ! ประกาศขายบ้านหรูเจ้าปัญหาแล้ว ยอมรับตอนนี้เครียดมาก
ทุกวันนี้คุมมันยังไงและอยู่กับโรคมะเร็งยังไงบ้าง?
"นุ๊กก็ตัดไทรอยด์ทั้งหมด เพราะมันล่ามไปทั่วไทรอยด์แล้ว ไม่สามารถรักษาต่อมไทรอยด์ไว้ได้แล้ว ก็ต้องตัดทิ้งทั้งหมดและก็มีล่ามไปที่ต่อมน้ำเหลืองประมาณ10กว่าจุด คุณหมอก็พยายามสอยออกให้หมด แต่ว่ามะเร็งเล็กๆน้อยๆมันอาจจะมีอยู่หลงเหลืออยู่ แต่เราก็จะใช้วิธีตรวจเลือดทุก 3 เดือน หาคุณหมอทุก 3 เดือน และทุกปีก็จะพยายามส่องกล้องทุกปีว่าที่หลงเหลืออยู่มันโตขึ้นไหม และโตในภาวะที่ควมคุมได้ไหม"
ตอนนี้มันสงบลงไหม?
"คุณหมอก็บอกว่ามันอาจจะโตขึ้นนิดนึง ยังอยู่ในจุดที่คุณหมอยังควบคุมได้"
มีกังวลเกี่ยวกับโรคนี้บ้างไหม?
"กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรอคะ (หัวเราะ) ทั้งหมดทั้งมวล เฉพาะในเรื่องของมะเร็งเลยนะคะ นุ๊กว่านาทีแรกที่เรารู้อะ อาจจะตกใจนิดนึง เพราะว่านุ๊กอาจจะรู้เร็วด้วย ไม่ได้เตรียมใจไป เหมือนกับเราอะมีเพื่อนเป็นหมอ เพื่อนแนะนำว่าคุณหมอท่านนี้เก่งมากเลย ให้ไปหาหมอ ท่านสามารถส่องกล้องแล้วแบบว่าจะรู้เลย ไปถึงเขาก็ทักทายคุยเล่น แต่ส่องไปปุ๊บเขาก็เงียบ ซึ่งเรารู้นาทีนั้นเลยว่ากระบวนการของการไปตรวจเป็นยังไง เจอปุ๊บเอาไปตรวจ ถ้าใช่ต้องมาร์คจุด นัดเสร็จเจาะคอ เอาชิ้นเนื้อไปตรวจ คือกระบวนการมันนานมาก หลักเดือน นาทีนั้นมันวูบเลย ลูกจะอยู่ยังไง พี่น้องจะอยู่ยังไง เพราะเขาคนละพ่อ ถ้าเราเสียไปสามีต้องกลับมาเลย์ หลายร้อยพันเรื่องเลย งานที่ถ่ายไว้จะทำต่อจนจบไหม คือมันคิดเยอะค่ะ"
สำหรับการป่วยเป็นมะเร็ง เราตั้งหลักได้ตอนไหน?
"ก็ระหว่างที่นอนแหละค่ะ ก็เห็นตัวเองอะค่ะว่า นี่..อีนุ๊ก พูดกับตัวเอง นี่แกกำลังแพนิคนะเนี้ย ถ้าแกเป็นแบบนี้แกจะตอบตัวเองไม่ได้ เอาอย่างนี้ฉันให้แก 5 คำถาม 5 คำถามที่แกกลัวที่สุดแกลิสต์มา แล้วฉันจะตอบแก ก็ระหว่างนั้นหมอก็กำลังตรวจอยู่นะคะ 4 คำถามแรกก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกหมดแล้วค่ะ ความกังวลที่เราเกิดขึ้น
จนคำถามสุดท้ายคือ ตอนลมหายใจสุดท้ายมันเจ็บไหม และเราก็ไล่ตอบมาว่าเราต้องทำยังไงกับชีวิต จนมาคำถามสุดท้ายที่ถามว่าเจ็บไหม เราจะได้ยินอยู่เสมอว่าจากไปอย่างสงบ ไม่เคยได้ยินว่าจากไปอย่างกระโตกกระตากเลย เคยได้ยินแต่จากไปอย่างสงบ มีคนรักมากมายนะ เรารู้สึกว่าทุกคนก็ต้องเจอความตาย แต่ความตายที่เราเผชิญเป็นความตายที่ค่อนข้างสบาย ถ้าเราเลือกได้ก็น่าจะเป็นแบบนี้ 15 นาทีนั้นก็เลยคลายกังวล แต่ก็มี1-4 ที่เราต้องรีบกลับไปทำ เช่นเขียนพินัยกรรมอะไรแบบนี้"