นายกฯ ถก ศบศ. ขอบคุณทุกภาคส่วนควบคุมโควิด-19 ได้ดี ส่งผลให้ WHO ยกย่องไทยเป็นประเทศต้นแบบ รับมือการแพร่ระบาดโควิด19 ได้ดี และจะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมกิจกรรม ทางเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ครั้งที่ 2/2565
โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารมว.มหาดไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมกัน โดยก่อนเข้าห้องประชุมระหว่างเดินจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกภักดีบดินทร์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้คุยโทรศัพท์ต่อเนื่อง พร้อมหันมาชำเลืองผู้สื่อข่าวก่อนเข้าห้องประชุม
ทั้งนี้ที่ประชุมจะมีการติดตาม สถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด เสนอโดยสำนักงานสภพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว เสนอโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ขณะเดียวกันนั้นยังติดตามความคืบหน้ามาตรการส่งเสริม การถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และจะมีการพิจารณาแผนพัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ในกลุ่มจังหวัดอันดามัน ประกอบด้วย ภูเก็ต กระบี่ และพังงา รวมถึงพิจารณาการสนับสนุนและการเพิ่มโอกาส ให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Specilised Expo 2028
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โควิดวันนี้ 6 พ.ค. 65 ยอดติดเชื้อรายใหม่ลดลงเหลือ 7,705 ราย เสียชีวิต 62 ราย
ไฟเซอร์ มีกำไรกว่า 270,000 ล้านบาทจากวิกฤตโควิด-19 รายได้พุ่งทะยาน 77%
เดินหน้าใช้นวัตกรรมเก็บภาษีแพลตฟอร์มต่างชาติ สร้างรายได้เข้าประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า "วันนี้ประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เห็นได้ว่าสถานการณ์มีแนวโน้มคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลได้เร่งกระจายวัคซีนให้มากขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ผู้ป่วยอาการรุนแรงและผู้เสียชีวิตก็อยู่ภายใต้การดูแลตามศักยภาพของระบบสาธารณสุขที่ได้เตรียมการไว้ ความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นผลมาจากการทำงาน ในการบริหารจัดการควบคุมการระบาดของฝ่ายสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เอกชน รวมทั้งประชาชน
ที่ร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างดี ขณะที่ องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้ยกย่องให้ประเทศไทย เป็นประเทศต้นแบบที่มีการบริหารจัดการ และการรับมือของการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระมัดระวัง และติดตามสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโอมิครอน และ สายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างใกล้ชิดต่อไป และ ต้องเตรียมแผนรับมือ ปรับมาตรการให้เหมาะสมทันท่วงที ซึ่งจากข้อมูลฝ่ายสาธารณสุขรายงานว่า การเปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ หรือ เดินทางเข้ามาในโครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยวและบริการ
แม้จะตรวจพบผู้ติดเชื้ออยู่บ้างแต่ก็เป็นจำนวนน้อย และสามารถควบคุมได้ จึงอาจไม่ใช่ปัจจัยที่มีผลทำให้การติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างใด หลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรค มีการเปิดประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรม ทางเศรษฐกิจ
เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ตรงกับนโยบายของรัฐบาล "Living with covid-19" ดังนั้น ศบค. จึงมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งการกำหนดพื้นที่นำร่อง เงื่อนไขการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวมทั้งการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ในปี 2565 ด้วย