ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก "อดีตพระกาโตะ - สีกาตอง" ให้ปากคำ ปมข่าวฉาว ส่วนเรื่องถอนเงินวัด 600,000 บาท จ่ายค่าปิดข่าว ยัน ตร.มีอำนาจตรวจสอบถึงแม้ไม่มีเจ้าทุกข์ คาดไม่เกิน 4 วัน ทุกอย่างจะชัดเจน พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอดีตพระกาโตะ หรือนายพงศกร จันทร์แก้ว พระนักเทศน์ชื่อดังที่ตกเป็นข่าวฉาว มีความสัมพันธ์กับสีการายหนึ่ง ก่อนที่ต่อมา อดีตพระกาโตะ จะตัดสินใจลาสิกขา เพื่อยุติปัญหา แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการออกมาเปิดโปงพฤติกรรมของอดีตพระกาโตะ เพิ่มเติมอีกว่า มีการเบิกเงินวัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 600,000 บาท ไปจ่ายให้คนกลางเพื่อปกปิดข่าวของตนเอง
ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า แม้คดีอดีตพระกาโตะ จะยังไม่มีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ แต่กรณีที่อดีตพระกาโตะ เบิกเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว ทางตำรวจ บก.ปปป. จึงมีอำนาจในการเข้าตรวจสอบได้ตามหน้าที่โดยตรง
หากพบกระทำความผิด ก็สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ตามเช่นคดีทั่วไป ซึ่งขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวน บก.ปปป. ลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริง คาดว่าภายใน 3-4 วัน จะมีความขัดเจนมากขึ้น ว่าการกระทำของอดีตพระกาโตะ เกี่ยวกับกรณีการเบิกถอนเงินของวัดไปใช้นั้นมีความผิดหรือไม่ จากนั้นก็จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาต่อว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• กาโตะ รับ เบิกเงินวัด 6 แสน ไปให้คนกลางปิดข่าวฉาว ยันไม่มีเจตนาเอาเงินวัด
• สรุปให้...พระพยอมฟาดแรง อดีตพระ “กาโตะ” เทศน์เป็นรักษาพรหมจรรย์ไม่เป็น
• อาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า ฉะสีกาตอง - กาโตะ "อุบาทว์" ชี้อดีตต้องถูกเฆี่ยน ประจาร
กรณีที่อดีตพระกาโตะ ชี้แจงว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินส่วนตัว ตอนนี้ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดในส่วนนี้ ต้องรอการตรวจพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นเงินของวัด หรือเงินส่วนตัว เพราะหากเป็นการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีวัด ในส่วนนี้ก็จะถือว่าเป็นเงินของวัด ซึ่งจำเป็นต้องเรียกสอบผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ส่วนกรณีข้อสงสัยที่ว่าหากอดีตพระกาโตะ เข้ามาบริหารวัดในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดชั่วคราว แต่ยังไม่มีการแต่งตั้ง จะมีผลต่อการตรวจสอบหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ต้องขอดูรายละเอียดขอเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน แต่เชื่อว่าการที่วัดจะดำเนินการใดๆ จะต้องมีการทำหนังสือแต่งตั้งก่อน ไม่เช่นนั้น อดีตพระกาโตะ จะมีอำนาจดำเนินการภายในวัดได้อย่างไร ถ้าหากไม่มีการแต่งตั้งจริง ผู้ที่ต้องรับผิดชอบก็จะต้องเป็นไวยาวัจกรของวัด
“การให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆก่อนหน้านี้ของทางอดีตพระกาโตะเอง ก็ถือเป็นการรับสารภาพเป็นนัยๆว่าหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดอยู่แล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวหากมีการกระทำผิดจริงก็จะถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ และการนำเงินกลับมาคืน ไม่ถือเป็นการลบล้างความผิด เพราะถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว”
ส่วนกรณีระหว่าง “อดีตพระกาโตะ กับสีกาตอง” นั้น เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และ หลังมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้น จะทำการออกหมายเรียก เชิญตัว “อดีตพระกาโตะ กับสีกาตอง” มาให้ปากคำกับทางตำรวจ บก.ปปป.
ส่วนการกระทำของสีกาตอง เกี่ยวกับการเรียกรับเงินจากอดีตพระกาโตะ จะเข้าข่ายความผิด กรรโชกทรัพย์ หรือไม่ ต้องขอตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน แต่หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ก็จะรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน ส่งให้ทางตำรวจท้องที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
“ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลเชิงลึกอยู่บ้าง หากทั้งคู่บริสุทธิ์ใจจริงก็อยากให้มาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ส่วนกรณีที่ชาวบ้านบางส่วนรู้สึกเห็นใจอดีตพระกาโตะ เพราะเป็นคนดี บริหารพัฒนาวัดจนเป็นที่รู้จัก ในส่วนนี้อยากให้แยกแยะว่า การทำความดีกับทำความผิด เป็นคนละส่วนกัน ต้องทำให้เป็นบรรทัดฐาน ผิดก็ว่าไปตามผิด”