กรมสรรพากร เดินหน้าสู่สรรพากรยั่งยืน ชูนวัตกรรมสร้างรายได้ใหม่จากต่างชาติเข้าประเทศ เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการคลังของไทย เผย6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2565 เกินเป้าถึง 101,695 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 14%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรมสรรพากรได้ผลักดันแนวคิด ‘สรรพากรยั่งยืน’ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการบริหารงานยุคใหม่มาประยุกต์ใช้ในการจัดเก็บภาษี เพื่อสร้างเสถียรภาพการคลังของไทยให้ยั่งยืน จนทำให้การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 เกินเป้าถึง 101,695 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายถึง 14% ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของไทยในช่วงครึ่งแรกปีงบประมาณเกินเป้าอยู่ 83,977 ล้านบาท
สรรพากร เดินหน้าใช้นวัตกรรมเก็บภาษีต่างชาติ
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า “ในช่วงเกือบ 4 ปี ที่ผ่านมากรมสรรพากรนำกลยุทธ์ Digital Transformation มาปรับเปลี่ยนกระบวนงานให้ทันสมัย และนำข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์ (Data Analytics) เพื่อวางกลยุทธ์จัดเก็บภาษี (Revenue Collection) รวมถึงนำนวัตกรรม (Innovation) และเทคนิคการบริหารงานยุคใหม่ อาทิ Design Thinking, Agile และ Hackathon มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) ¬ระบบงาน และพัฒนาบุคลากรให้มีคุณธรรม (Value) และมีความรู้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สรรพากรโชว์ผลงานหาเงินเข้าประเทศ เก็บภาษี e-Service 6 เดือนกว่า 4 พันล้านบาท
คิกออฟเก็บภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง 100% สะเทือนธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นเพียงใด
ไทยรีดภาษี e-Service แพลตฟอร์มต่างแดน 5 เดือนแรก 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการวางรากฐานดังกล่าวตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดโควิด-19ทำให้การดำเนินงานและการให้บริการประชาชนในช่วงวิกฤติโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก และยังสามารถช่วยให้กรมฯ บรรลุเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ จัดเก็บภาษีได้ ‘ตรงเป้า’ ออกนโยบายภาษีช่วยเหลือประชาชนได้‘ตรงกลุ่ม’ และบริการผู้เสียภาษีได้ตรงใจ
6 เดือนแรกจัดเก็บภาษีต่างชาติสร้างรายได้งาม
นอกจากกรมสรรพากรจะนำดิจิทัลมาใช้ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานแล้ว การสร้างฐานรายได้ใหม่ให้กับประเทศเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ที่ผ่านมากรมสรรพากรได้ออกกฎหมายจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มต่างชาติ (VAT for Electronic Service: VES) ที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการในประเทศไทย โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 มีมูลค่าบริการจากต่างชาติสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ใหม่เข้าประเทศได้ถึงกว่า 4,200 ล้านบาทในช่วงเวลาเพียง 6 เดือน และยังเป็นการสร้างความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย จากการที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติต้องมาจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นเดียวกับผู้ประกอบการไทย
ทั้งนี้การเก็บภาษีe – Service นี้จะช่วยให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลรายได้ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่จะสามารถนำไปใช้คำนวณเป็นฐานภาษีเงินได้อันจะเป็นฐานรายได้ใหม่ให้ประเทศไทยในอนาคต ขณะนี้กรมสรรพากรกำลังร่วมกับ 139 ประเทศทั่วโลก เจรจามาตรการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศซึ่งประกอบด้วย 2 เสาหลัก ได้แก่ เสาที่ 1 (Pillar 1) มาตรการกำหนดให้บริษัทข้ามชาติต้องเสียภาษีเงินได้โดยปันส่วนกำไรมาให้กับประเทศผู้ใช้บริการถึงแม้จะไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศที่ให้บริการ
และเสาที่ 2 (Pillar 2) มาตรการกำหนดให้บริษัทข้ามชาติที่หลบเลี่ยงภาษีโดยถ่ายโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ จะต้องถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจนเสียอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำที่ 15% ทั้งนี้ หากการเจรจาต่างๆ นี้สำเร็จลุล่วงได้ตามแผนในปี 2566 ไทยจะมีแหล่งรายได้ใหม่จากบริษัทข้ามชาติ ที่เคยหลบเลี่ยงภาษีด้วยความมุ่งมั่นที่เพียงจะพัฒนาระบบและบุคลากรให้มีความพร้อมกับโลกในอนาคต แต่การพัฒนาระบบต่างๆ นี้กลับส่งผลดีให้กรมสรรพากรได้รับรางวัลมากมายมาตลอด 3 ปีอย่างต่อเนื่อง อาทิ รางวัลเลิศรัฐยอดเยี่ยม ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน (ประจำปี 2563 และ 2564)
ซึ่งเป็นรางวัลที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ยกย่องเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนสำเร็จเป็นเลิศแห่งหน่วยงานภาครัฐทั้งปวง รวมทั้งยังได้รางวัลระดับชาติ เช่น รางวัลองค์กรนวัตกรรมดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2564 และรางวัลจากเวทีอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งสิ้น 29 รางวัล ในช่วงปี 2562 - 2564
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ กล่าวเสริมว่า “การยกระดับศักยภาพของกรมสรรพากร ซึ่งเป็นฟันเฟืองหลักที่จัดเก็บรายได้ถึง 65% ของรายได้รัฐบาลทั้งหมด และการสร้างเสถียรภาพทางการคลังของประเทศเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก การที่องค์กรแห่งนี้จะยั่งยืนได้ จะต้องมีกระบวนงานที่คล่องตัว (Agile) ต้องนำกระบวนการออกแบบนวัตกรรม (Design Thinking) มาแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ของภาครัฐ และสร้างบุคลากรให้มุ่งมั่นพร้อมที่จะเรียนรู้ (Growth Mindset)
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า ในช่วงสถานการณ์ของโควิด - 19 ที่เกิดขึ้นนั้น ประเทศต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อยในการสนับสนุนด้านสาธารณสุขของประเทศ เพื่อดูแลประชาชนในช่วงโควิด ดังนั้น แนวคิด “สรรพากรยั่งยืน” นี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้กรมสรรพากรบรรลุวิสัยทัศน์ “การเป็นองค์กรชั้นนำที่จัดเก็บภาษีอย่างโปร่งใสเป็นธรรม ด้วยนวัตกรรม และบุคลากรคุณภาพ เพื่อสร้างเสถียรภาพการคลัง”