คนละครึ่งเฟส5 อาจไม่มีจริง เหตุผลเพราะรายได้ประชาชนเริ่มฟื้น จริงหรือ ?

พามาดูความคืบหน้าคนละครึ่งเฟส5 อาจฝันสลาย ! เพราะอาจไม่มีจริง คลังชี้แจงเหตุผลเพราะรายได้ประชาชนเริ่มฟื้น และเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูง เห็นผลระยะสั้น

คลังออกโรงแจงคนละครึ่งเฟส5 อาจไม่มีจริง

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโครงการคนละครึ่งเฟส5 จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ เพราะล่าสุดไม่รู้ว่าข่าวจริงข่าวเท็จประการใดที่ ‘นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงว่า อาจมีการเข้าใจคลาดเคลื่อน เรื่องที่ท่านนายกรัฐมนตรีให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาหาแหล่งเงิน พร้อมกันนี้ยังได้ชี้แจงต่อว่าคนละครึ่งเฟส5 อาจไม่มี เพราะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูงมาก ๆ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่เพียงระยะสั้นๆ ดังนั้นก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าโครงการนี้จะไปต่อ หรือพอแค่นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ชูผลงานที่ผ่านมาช่วยประชาชนได้ระดับหนึ่ง

สำหรับคนละครึ่งเฟส5 ต้องลุ้นกันต่อไป แต่‘นายอาคม’ ยังได้ชี้แจงเพิ่มว่าที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ออกมาตาการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ซึ่งสามารถช่วยในระดับหนึ่งในช่วงที่ยังเผชิญปัญหาเรื่องรายได้ แต่ขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ รายรับของประชนชนเริ่มกลับมา ก็ควรจะลดมาตรการดังกล่าวลง และเข้าไปสู่การสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อทำให้ประชาชนกลับมามีรายได้เพิ่ม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ผลักดันมาตรการผ่านแบงก์รัฐแล้ว ส่วนความคืบหน้าการใช้จ่ายภายใต้ พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ ก็ยังกู้ไม่หมด คาดว่า เหลืออีกประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งการจะกู้ก็ต้องดูในเรื่องของความจำเป็นในการเงิน และเป็นการทยอยกู้ ไม่ใช่กู้มารอไว้

ร้านค้าขนาดเล็กยังลุ้นคนละครึ่งเฟส5 มากระตุ้นยอด

เอกชนเห็นต่าง ว่าควรต่อคนละครึ่งเฟส5

ขณะที่ภาคเอกชนเห็นต่าง ว่าควรต่อมาตรการคนละครึ่งเฟส5 ‘นายสนั่น อังอุบลกุล’ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ควรเดินหน้าต่อโครงการคนละครึ่งเฟส5หลังเฟส 4 จะหมดอายุลงในเดือน เม.ย. 2565นี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องช่วยทั้งในเรื่องของการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนและลดค่าใช้จ่ายในภาวะที่ราคาสินค้ามีแนวโน้มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปัจจุบันสินค้าหลายรายการปรับขึ้นไปแล้วตามต้นทุนที่สูงขึ้นและมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งไทยยังเผชิญกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย เพราะฉะนั้นภาครัฐก็มีเหตุผลของตัวเองว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูง ส่วนภาคประชาชนก็ไม่รู้ว่ารายได้ของเขาเหล่านั้นจะฟื้นจริงหรือไม่ ?