ศาลรัฐบาลกลางรัฐฟลอริด้า สั่ง ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 บนเครื่องบิน และระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ที่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (หรือ CDC) บังคับใช้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใช้อำนาจมากเกินไป
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า แคทรีน คิมบอล ไมเซลล์ ผู้พิพากษาศาลแขวง ในรัฐฟลอริดา ออกคำสั่ง ให้ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 บนเครื่องบินและขนส่งสาธารณะอื่นๆ ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) บังคับใช้ โดยระบุว่า หน่วยงานสาธารณสุขแห่งชาติแห่งนี้ ใช้อำนาจมากเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต โดยก่อนหน้านี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (หรือ CDC) มีคำสั่งจะขยาย การบังคับสวมหน้ากากออกไปจนถึงวันที่ 3 พ.ค. 2022 เพราะการระบาดของโควิดโอไมครอนยังมีอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำหรับ คำสั่งให้ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 บนเครื่องบินและขนส่งสาธารณะอื่นๆนั้น เนื่องจาก ศาลมองว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย การออกมาตรการบังคับเป็นการใช้อำนาจเกินอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ขณะเดียวกัน ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะดูแลร่างกายของตนเองตามแนวทางสิทธิมนุษยชน แต่อย่างไรก็ตาม ยังคง "แนะนำ" ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยต่อไป
ทั้งนี้ โดยคำพิพากษา คำสั่งให้ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 บนเครื่องบินและขนส่งสาธารณะอื่นๆนั้น มีขึ้น หลังจากที่กองทุนปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อปีที่แล้ว เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่า ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะดูแลร่างกายของตนเองตามแนวทางสิทธิมนุษยชน
ทางด้านสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ได้แสดงท่าที ต้อบรับ การตัดสินใจในคำสั่งนี้ทันที โดย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีการบังคับให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยในสนามบิน และบนเครื่องบิน
อย่างไรก็ตาม เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ในยุคของโจ ไบเดน ประธานาธิบดี ได้แสดงความผิดหวัง ต่อคำตัดสินของศาลครั้งนี้ และอยาก "แนะนำ" ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยต่อไป
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (หรือ CDC) เริ่มบังคับสวมหน้ากากขณะเดินทางครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ซึ่งนับแต่นั้นเป็นต้นมา มีรายงานผู้โดยสารละเมิดกฎระเบียบมากกว่า 7,000 ครั้ง โดย 70% เกี่ยวข้องกับคำสั่งสวมหน้ากากอนามัย