ร้อนมากแม่ ! พามาดูธุรกิจหน้าร้อนอะไรขายดีบ้าง โกยยอดขายงาม
หน้าร้อนปี 2565 ร้อนจริง ร้อนจัง วันนี้จะพามาส่องดูว่าธุรกิจหน้าร้อนอะไรขายดีบ้าง โกยยอดขายงาม หลายแบรนด์ต่างเร่งทำแผนการตลาด เจาะลูกค้าอย่างเข้มข้น
หน้าร้อนปีนี้ ร้อนจริง ร้อนจัง
กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศฉบับที่ 3 เตือนระวังพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย มีผลกระทบ 16-18 เม.ย.2565 แต่ที่แน่ๆร้อนมากๆช่วงนี้ใครที่เดินทางไปไหนมาไหนช่วงกลางวันบอกได้คำเดียวว่านรกชัดๆ ร้อนจริงไม่จกตา แต่ร้อนขนาดนี้ก็ส่งผลดีในบางธุรกิจที่มักจะขายดิบขายดีช่วงหน้าร้อน จะพามาส่องดูว่ามีธุรกิจหน้าร้อนไหนบ้างขายดีช่วงหน้าร้อนแบบนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
พามาดูธุรกิจไหนบ้าง ปังช่วงหน้าร้อน
โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย และนีลเส็น ได้เคยประเมินธุรกิจดังต่อไปนี้ว่ามักจะเติบโตช่วงหน้าร้อน รวมถึง#สปริงนิวส์ ได้รวบรวมข้อมูลของแต่ละบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าช่วงหน้าร้อนที่ขายดี ตามข้อมูลดังนี้
-เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าตลาด 2.3 หมื่นล้านบาท/ปี
-ไอศกรีม มีมูลค่าตลาด 1.5 หมื่นล้านบาท/ปี
-น้ำดื่ม มีมูลค่าตลาด 4 หมื่นล้านบาท/ปี
-น้ำอัดลม มีมูลค่าตลาด 5 หมื่นล้านบาท/ปี
-ชาเขียว มีมูลค่าตลาด 1.5 หมื่นล้านบาท/ปี
-พัดลม มูลค่าตลาด 3,800 ล้านบาท/ปี
-สวนน้ำ มูลค่าตลาด 3,000 ล้านบาท/ปี
-แป้งเย็น มูลค่าตลาด 2,000 ล้านบาท/ปี
-น้ำแข็ง
ฟูจิตสึ ลุยตลาดแอร์ประหยัดพลังงานรักษาสิ่งแวดล้อม
หากพูดถึงธุรกิจหน้าร้อน ธุรกิจแรกที่คนจะนึกถึง และเติบโตทุกปี นั่นคือ เครื่องปรับอากาศ ที่มีมูลค่าตลาดรวมๆแล้ว 2.3 หมื่นล้านบาท/ปี แต่ละแบรนด์ก็จะงัดกลยุทธ์มาชิงตลาดกันฝุ่นตลบ วันนี้จะพาไปดูความเคลื่อนไหวของแบรนด์ “ฟูจิตสึ” ที่เดินเครื่องทำธุรกิจต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ในปี 2025 อีกทั้งยังได้ชูกลยุทธ์รุกตลาดแอร์ในไทยเน้นสินค้าประหยัดพลังงานรักษาสิ่งแวดล้อม
โดย มร.ทาเคชิ อุจิชิบะ (Mr.Takeshi Uchishiba) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศภายใต้แบรนด์ “ฟูจิตสึ” (Fujitsu) เปิดเผยว่า ได้เริ่มต้นธุรกิจเครื่องปรับอากาศในปี 1936 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 86 ปี ฟูจิตสึเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในประเทศญี่ปุ่น ยังมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆ ในทวีปยุโรป อเมริกา โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง
ทั้งนี้หน้าร้อนปี2565 ก็ยังคงชูสินค้าที่หลากหลายเจาะตลาด โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศฟูจิตสึเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่ผลิตตามมาตรฐานขั้นสูง มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ได้รับสิทธิบัตรด้านคุณสมบัติต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก อาทิ เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน เทคโนโลยีการไหลเวียนของอากาศที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด เทคโนโลยีด้านการปรับอากาศภายในห้อง ระบบสื่อสารเพื่อป้องกันอัคคีภัยและภัยพิบัติ ระบบกรองอากาศที่สามารถทำความสะอาดตนเอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาพรวมธุรกิจเครื่องปรับอากาศจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ แต่ยอดขายของ “ฟูจิตสึ” ก็สามารถเติบโตได้ ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ในหลายกลุ่ม รวมถึงการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศแบรนด์เจเนอรัล (General) ในปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และตลาดเครื่องปรับอากาศจะกลับสู่วิถีการเติบโตอย่างมั่นคงดังเดิม โดย “ฟูจิตสึ” ตั้งเป้าที่จะเติบโตประมาณ 30% เน้นเครื่องปรับอากาศรุ่นอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานสูงเป็นหลัก รวมถึงเพิ่มยอดขายเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ในกลุ่ม VRF ด้วย
นอกจากนี้ “ฟูจิตสึ” ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่หลายรุ่น เช่น เครื่องปรับอากาศแบบติดผนังประสิทธิภาพสูงระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ขนาด 30,000 BTU และ 36,000 BTU ซึ่งได้ฉลากเบอร์ 5 สองดาว แบบแขวนฝ้า (Ceiling) แบบฝังฝ้าสี่ทิศทาง (Cassette) และแบบแอร์ต่อท่อลมได้ (Duct) ซึ่งเป็นรุ่นและมาตรฐานเดียวกับที่ส่งออกยุโรป โดยเน้นความเงียบ ความทนทานและประสิทธิภาพสูง
ด้านนายสินเมธ อิ่มเอม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่อยู่อาศัยในปี 2021 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง ซึ่งตลาดเครื่องปรับอากาศหดตัวลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากเศรษฐกิจและการระบาดของ Covid 19 โดย “ฟูจิตสึ” มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 2% คิดเป็น 450 ล้านบาท มีการเติบโตจากปีก่อนประมาณ 35% และในปีนี้เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานและความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม “ฟูจิตสึ” มีการปรับแผนการตลาด โดยเน้นที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นหลัก โดยจะเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าในกลุ่มอินเวอร์เตอร์ (Inverter) จากเดิมสัดส่วน 45% เป็น 70% ในปีนี้ และเพิ่มยอดขายในกลุ่มสินค้าเบอร์ 5 สามดาวให้มากขึ้น
พารู้จักไอศกรีมมาทาน (Matan) แบรนด์น้องใหม่
มาดูทางฟากของตลาดไอศกรีม ก็มีหลายแบรนด์มีความเคลื่อนไหว โดย นายวรุตม์ จันทร์โพธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มีท อวตาร จำกัด (Co-Founder Meat Avatar) เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ มอลลี่ อัลลี่ จำกัด (Molly Ally) ร้านไอศกรีมสุขภาพ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ รุกตลาดพร้อมทาน (Ready to eat) ภายใต้แบรนด์มาทาน (Matan) ด้วยแนวคิด “อร่อยได้ไม่รู้สึกผิด” เปิดตัวไอศกรีม Plant-based 3 รสชาติใหม่ ได้แก่ ชาไทย (Tea rak) , ดาร์คช็อกโกเเลต (Angry Chocolate) , มัทฉะ (Moody Greentea) จุดเด่นที่ให้แคลฯต่ำ น้ำตาลน้อย ไม่มีส่วนผสมของนมวัว หรือ ไข่ไก่ และยัง 0% Cholesterol เอาใจสายสุขภาพ ตีตลาด วีแกน, มังสวิรัติ, Plant-based และ Flexitarian พร้อมขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มแพ้แลคโตส เพื่อเพิ่มทางเลือกเข้าถึงสุขภาพที่ดีขึ้น โดยคาดว่าไอศกรีมมาทานจะสามารถสร้างยอดขายระหว่างแบรนด์เติบโตขึ้น
ชาพร้อมดื่มออกแคมเปญรับหน้าร้อน
ต่อกันที่ตลาดชาพร้อมดื่ม หน้าร้อนแบบนี้ใครๆก็อยากจิบดับร้อน ความเคลื่อนไหวคือแบรนด์อิชิตันได้เปิดแคมเปญ #พักร้อนจริงๆต้องกินเย็นเย็น ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา โดย "ตัน ภาสกรนที" กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้อิชิตันจะรุกตลาดในทุกช่องทาง เน้นขยายการเติบโตในกลุ่มสินค้าหลักของบริษัทฯ ทั้งอิชิตัน และเย็นเย็น จากภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มที่เติบโต โดยเฉพาะบนช่องทาง Traditional Trade ที่มีการเติบโตที่ดี รับอานิสงส์มาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ ขณะที่ข้อมูลจาก Nielsen เผยถึง ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในเดือนมกราคมเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 28.65% และยังดีต่อเนื่องโต 24.99% ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้คาดว่าในปี 2565 ตลาดชาพร้อมดื่มน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เป็นเทรนด์ที่ดีต่อเนื่องจากปี 2564 ที่มีมูลค่าตลาดชาพร้อมดื่มอยู่ที่ 11,213 ล้านบาท เติบโต 3.96% แข็งแกร่งกว่ากลุ่มเครื่องดื่มโดยรวมที่หดตัว
แป้งเย็นสินค้าคู่คนไทยมายาวนาน
ปิดท้ายพามาส่องตลาดแป้งเย็นบริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจัดจำหน่าย แป้งเย็นตรางู เคยเปิดเผยใน “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” ว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดแป้งเย็นมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท แป้งเย็นตรางูเป็นเบอร์ 2 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25% โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30% เรียกได้ว่าธุรกิจหน้าร้อนเหล่านี้ก็ได้รับอานิสงส์อากาศที่ร้อนแบบสุดจัดไปเต็มๆ
