องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนโอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE ที่แพร่เชื้อติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วกว่าโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ เท่าที่ประวัติศาสตร์โลกเคยมีมา
จากกรณีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำเตือนเกี่ยวกับ โควิดโอไมครอน สายพันธุ์ลูกผสม XE ที่แพร่เชื้อติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วกว่าโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ เท่าที่ประวัติศาสตร์โลกเคยมีมา โดยโควิด-19 สายพันธุ์นี้ เป็นการผสมกัน โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย "BA.1 X BA.2"
ด้านศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ประเด็น โอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE โดยระบุว่า
โอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE เป็นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย "BA.1 & BA.2" ไม่ใช่ "เดลตาครอน" ซึ่งเป็นสายพันธู์ลูกผสมระหว่าง "เดลตา & โอไมครอน" WHO ยังไม่ตั้งชื่อ "XE" อย่างเป็นทางการจนกว่า "XE" จะแสดงอาการทางคลินิกที่รุนแรงแตกต่างไปจากสายพันธุ์อื่นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับสายพันธุ์ลูกผสม "เดลตาครอน" หรือ "XD" WHO แจงว่าไม่พบการระบาดที่รวดเร็ว (transmissibility) และอาการที่รุนแรง (severity) แต่ประการใด
ล่าสุดศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดีตรวจพบสายพันธุ์ลูกผสม XE ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมจากตัวอย่างสวอปผู้ติดเชื้อชาวไทย 1 ราย จากการสอบถามแพทย์ผู้รักษาทราบว่าเป็นผู้ติดเชื้อในกลุ่ม "สีเขียว" มีอาการเล็กน้อย ปัจจุบันหายจากอาการโควิดแล้ว มีการสุ่มตรวจ ATK คนรอบข้างไม่พบใครติดเชื้อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• WHO เตือน โควิดโอไมครอน สายพันธุ์ลูกผสม XE แพร่เร็ว ติดง่าย กว่าทุกสายพันธุ์
• โควิด โอไมครอน หายแล้ว ติดซ้ำได้ไหม? ฟัง อธิบดีกรมการแพทย์ ตอบให้ชัด
• หมอธีระ เตือน “โอไมครอน” รุนแรงน้อยกว่า “เดลต้า” แต่แพร่ไว เสี่ยงเสียชีวิต
ตัวอย่างอีกจำนวนหนึ่งถูกส่งมาตรวจกรองหาสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยการตรวจ 40 ตำแหน่งกลายพันธุ์สำคัญบนจีโนมด้วยเทคโนโลยี "Massarray Genotyping" ซึ่งตรวจได้รวดเร็วและประหยัดกว่าการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม พบสายพันธุ์ลูกผสม "เดลตาครอน (เดลตา & โอไมครอน)" อีก 1 ราย ซึ่งต้องยืนยันด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมอีกครั้งหนึ่ง
โอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 โดยมีการถอดรหัสพันุกรรมทั้งจีโนมและอัปโหลดขึ้นไปแชร์ไว้บนฐานข้อมูลโควิด-19 โลกแล้วมากกว่า 600 ตัวอย่าง
WHO ประเมินว่าสายพันธุ์ลูกผสม XE มีอัตราการแพร่ระบาด (growth advantage) เหนือกว่า BA.2 ถึง 10% อย่างไรก็ตามยังต้องรอข้อมูลจากทั่วโลกที่ร่วมด้วยช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมอีกระยะหนึ่งเพื่อยืนยัน”
ตามรายงานของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UK Health Services Agency) หรือ "UKHSA" ยืนยันเช่นเดียวกันว่าสายพันธุ์ลูกผสม XE สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่า “BA.2” ประมาณ 10% และแพร่ได้รวดเร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) ถึง 43%
คงต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสายพันธุ์ลูกผสม XE จะกลายเป็นคลื่นระลอกใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกและเข้ามาแทนที่ BA.2 ได้หรือไม่
หมายเหตุ
การจัดหมวดหมู่ลูกผสมโดย Phylogenetic Assignment of Named Global Outbreak Lineages (PANGOLIN)
หมวด 1 สายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง “Delta + BA.1” ประกอบด้วยสมาชิก 2 สายพันธุ์
I. XD-เป็นสายพันธุ์ลูกผสม ระหว่าง Delta + BA.1 lineage พบในฝรั่งเศส ประกอบด้วยยีน S ที่สร้างหนามแหลม ส่วนอื่นเป็นจีโนมจากเดลตา
II. XF-จีโนมมีส่วนผสมระหว่าง ยีน S และยีนที่สร้างโปรตีนสำคัญของอนุภาคไวรัส มาจาก BA.1 กับส่วน 5’ จากจีโนมของเดลตา
หมวด 2 สายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง BA.1 + BA.2 ประกอบด้วยสมาชิก 6 สายพันธุ์
I. XE-พบในอังกฤษ จีโนมมีส่วนผสมระหว่าง ยีน S และยีนที่สร้างโปรตีนสำคัญของอนุภาคไวรัส มาจาก BA.2 กับส่วน 5’ จากจีโนมของ BA.1 แสดงอัตราการแพร่ระบาด (growth advantage) เหนือ BA.2 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดีถอดรหัสพันธุกรรมพบแล้ว 1 ราย
II. XG-พบในเดนมาร์ก
III. XH-พบในเดนมาร์ก
IV. XJ-พบในฟินแลนด์
V. XK-พบในเบลเยียม มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม "อู่ฮั่น" เกือบ 100 ตำแหน่ง มากกว่าทุกสายพันธุ์ ยังไม่พบในประเทศไทย
VI. XL-พบในอังกฤษ
https://cov-lineages.org/resources/pangolin.html
https://github.com/cov-lineages/pango-designation/issues/454
https://www.who.int/.../weekly-epidemiological-update-on... จากนั้นคลิก click download
ที่มา : Center for Medical Genomics