สุเทพ เผย เชียร์สกลธี ชิงผู้ว่ากทม.ฯ เพราะเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ มีความคิดเพื่อชาติและประชาชน ไม่ใช่เพราะเคยเป็น กปปส. พร้อมชักชวนคนกรุงเทพออกไปใช้สิทธิ์
เฟซบุ๊กส่วนตัว “ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP23 โดยได้กล่าวถึง การเปิดรับสมัคร ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตต่างๆ ดังนี้
เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
“ใครเป็นใครคงเห็นกันแล้ว บางคนลงสมัครในนามพรรค บางคนในนามอิสระ จะอิสระจริงหรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป บรรยากาศใน กทม.หลังจากนี้ ก็จะเป็นบรรยากาศของสนามการต่อสู้ทางการเมืองครั้งสำคัญ และเราจะได้เห็นลีลาของผู้สมัคร กลุ่มต่างๆ ทีมต่างๆ พรรคต่างๆ จะได้เห็นการเปิดตัวบุคคลของแต่ละทีม ที่จะเข้ามาร่วมว่า ใครมีภูมิหน้าภูมิหลังอย่างไร
“เราจะได้เห็นวิสัยทัศน์ของแต่ละทีมที่นำเสนอว่า เขาคิดอ่านที่จะทำอะไรเพื่อประเทศ เพื่อกรุงเทพฯ เพื่อประชาชนบ้าง เราจะได้พบเรื่องเหล่านี้เมื่อเราเดินไปตามถนน จะได้เห็นป้ายหาเสียงหลากหลาย ดูแล้วมีการพัฒนาไปมาก หลายป้ายเห็นแล้วสวยงามน่าสนใจ เรียกว่ามีฝีมือในการทำป้ายหาเสียงอย่างน่าทึ่ง
“ในโลกโซเชียลก็เหมือนกัน เราจะได้เห็นลีลาเทคนิค เนื้อหาสาระที่เขาจะสื่อผ่านมาทางโซเชียล เราจะได้เห็นว่า ใครเก่งหรือไม่เก่ง ในการใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย ในสนามการเลือกตั้งในยุคใหม่ กว่าจะถึงวันที่ 22 พ.ค. ที่เป็นวันเลือกตั้ง เราชาว กทม.หรือคนที่ไม่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ แต่มาทำงานในกรุงเทพฯ ก็คงได้มีโอกาสตั้งวงพูดคุย เรื่องการต่อสู้ในทางการเมืองเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กันอย่างสนุก ใครรักใครชอบใครก็เชียร์กันตามถนัด”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชัชชาติเสนอแนวคิด “ทำกรุงเทพฯ ให้ถูกลง” ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพชีวิต
ส่องผู้สมัคร "เลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. 2565" ใครได้เบอร์อะไร ?
ย้ำ เชียร์สกลธี ด้วยหัวใจ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่า “ตนนั้นชูธงเชียร์ นายสกลธี ภัททิยกุล มาตั้งแต่ต้น เรื่องนี้ก็ต้องทำความเข้าใจว่า ที่เชียร์นายสกลธี ไม่ใช่เพราะเรื่อง กปปส. จะเป็น กปปส. หรือไม่เป็น กปปส. ตนชอบนายสกลธี ตนชอบคนหนุ่มๆ ที่มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะทำงานอุทิศตัวเองทำงานให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ทำงานให้กับประชาชน เรียกว่าใจถึงใจ นายสกลธี ไม่ได้มาขอร้องอะไร ตนก็ไม่ได้ไปทำอะไร นอกจากส่งเสียงเชียร์ ทำเหมือนพี่น้องประชาชนชอบใครก็เชียร์คนนั้น
“เรื่อง กปปส.มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย หลายคนทำกันเป็นขบวนการด้วยอคติ เจตนาร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง หาว่า กปปส. นี่แหล่ะที่เป็นเหตุให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร กปปส. นี่แหล่ะที่ทำให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ วันนี้ผมก็ยังคงไม่ไปโต้เถียงอะไรใคร ให้ความจริงมันค่อยๆปรากฏ แต่ว่าถ้ากระบวนการนี้ ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันอย่างนี้ ผมก็คงคิดอ่านทำอะไรบ้าง ในการที่จะปกป้องเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของพี่น้องที่ออกมาต่อสู้ในคราวนั้น ” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวต่อว่า “ประชาชนที่ออกมาต่อสู้เดินขบวนด้วยกัน 204 วัน นั้นล้วนแล้วแต่เป็นประชาชนธรรมดา ไม่ใช่นักการเมือง มีนักการเมืองน้อยมากส่วนใหญ่ประกอบอาชีพต่างๆ แต่เขาทนเห็นบ้านเมืองเกิดปัญหา ที่จะทำให้เป็นความเสียหายแก่ประเทศไม่ได้ เขาจึงละทิ้งงานในหน้าที่ภารกิจในครอบครัว ออกมาต่อสู้ๆ เสร็จ ทุกคนก็กลับบ้านไปทำอาชีพตามปกติของตัวเอง คนที่นักการเมืองที่ยังไม่เลิกการเมืองก็เดินหน้าไปในสายทางการเมืองที่ตัวเองชอบ
“ตนประกาศบนเวที ไว้ชัดเจนว่า จะไม่กลับไปรับสมัครเลือกตั้ง เป็น ส.ส. หรือไม่รับตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองอีกแล้ว และก็ยังรักษาคำมั่นสัญญานั้นอยู่ แต่สิ่งที่ยังไม่ทิ้งก็คือการทำหน้าที่พลเมืองของระบอบประชาธิปไตย ยังสงวนสิทธิ ที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ที่จะสนับสนุนคนที่ไว้ใจในทางการเมือง ไม่ต้องการที่จะอ้างชื่อความเป็น กปปส. ไปเป็นต้นทุนไปสนับสนุนใคร
“เพราะฉะนั้น ตรงนี้ขอทำความเข้าใจว่า ที่สนับสนุนและเชียร์ นายสกลธี ก็เชียร์ด้วยหัวใจ ในฐานะที่เป็นพลเมืองที่ต้องมีสิทธิ ต้องมีเสียงคนหนึ่งเท่านั้น”
ยัน ไม่เอาตำแหน่งอดีตเลขาธิการ กปปส. ไปหาเสียงช่วยใคร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวต่อว่า “กปปส.ไม่ใช่องค์กรทางการเมือง เสร็จการต่อสู้คราวนั้น ก็จบกันเท่านั้น ที่เหลือไว้ก็คือความทรงจำว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต เราเคยร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เราเคยออกมาต่อสู้ร่วมกัน ต่อสู้เสร็จจบ วันนี้จบแล้ว ไม่มี กปปส. ผมเคยเป็นเลขาธิการ กปปส. วันนี้ผมก็ไม่ได้เอาตำแหน่งเลขาธิการกปปส. ไปหาเสียงหรือช่วยเหลือ ไปใช้ประโยชน์อะไร อันนี้ต้องเรียนกับพี่น้องประชาชน ส่วนใครจะกล่าวหาอย่างไรเป็นเรื่องของเขา”
“กทม.เป็นสนามการต่อสู้ทางการเมือง ในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้ว่าฯ กทม./ สก. นี่เป็นการเลือกตั้งในท้องถิ่น แต่ก็มีการเมืองในภาพรวม การเมืองในภาพใหญ่ เข้ามาสอดแทรกอยู่เป็นระยะๆ แน่นอนบางคนก็หวังที่จะให้ผลของการเมืองใหญ่ ได้ส่งผลถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในคราวนี้
“โดยเฉพาะพวกที่สังกัดพรรค ที่เห็นเป็นเรื่องเป็นราวกันมาก คือระบอบทักษิณ นำโดย นายทักษิณ ชินวัตร ช่วงนี้ออกมาถี่ พูดวิพากษ์วิจารณ์การเมือง มาตั้งข้อสังเกต มาเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้ มาตำหนิคนนั้นคนนี้
“แต่คนทั่วไปก็วิพากษ์วิจารณ์กันตรงๆว่า ทั้งหมดที่นายทักษิณกำลังทำอยู่ในขณะนี้ คือ เรื่องที่พยายามจะส่งคุณอุ๊งอิ๊ง (แพทองธาร) เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนต่อไป เพื่อที่จะสืบทอดอำนาจ อิทธิพล ในทางการเมืองของระบอบทักษิณ
“เรื่องนี้ ที่ทำให้คนมีความวิตกกังวลกันค่อนข้างมาก มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้แสดงความวิตกกังวลมา แล้วตั้งเป็นคำถามว่า ถ้าระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจในประเทศไทย บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ตนก็ได้แต่ปลอบใจไปว่า ไม่เห็นว่าจะต้องวิตกกังวลใจเลย ทุกอย่างขึ้นอยู่ประชาชน ถ้าประชาชนไม่ลงคะแนนเสียงเลือก ระบอบทักษิณก็กลับมาไม่ได้
“ทั้งตั้งความฝันไว้ลมๆ แล้งๆ ว่า จะเอานายทักษิณกลับมาอย่างเท่ๆ อย่างยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลเหนือประเทศไทย โดยไม่ต้องรับโทษจากคดีต่างๆ มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ชนะการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน อย่างกังวลใจ
“สำคัญที่ว่า เราประชาชนทุกคนต้องตระหนักในภาระหน้าที่ว่าเราต้องติดตามสถานการณ์ และเมื่อถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เราต้องออกไปใช้สิทธิลงคะแนนด้วยวิจารณญาณด้วยอย่างอิสระเหมือนชาวกรุงเทพฯ ในขณะนี้ หลายคนอาจจะตัดสินใจไปแล้วหรือหลายคนอาจจะติดตามสถานการณ์อยู่
“การเลือกตั้งใน กทม.หลายครั้งที่ผ่านมาจนวันสุดท้าย การตัดสินใจของประชาชนชาว กทม. จึงจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นใครจะคาดการณ์ล่วงหน้าหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรตอนนี้ก็เป็นช่วงของการศึกษาติดตามเพื่อการตัดสินใจ เชื่อว่าการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.และ สก. คราวนี้น่าจะส่งผลถึงการเมืองใหญ่อยู่พอสมควร เพราะจะเป็นบททดสอบบทแรกว่าๆ ว่า ขณะนี้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ มีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร”