svasdssvasds

งานวิจัยชี้ โควิดโอไมครอน BA.2 เสี่ยงเด็กมากขึ้น ความรุนแรงอาการ-เสียชีวิต

งานวิจัยชี้ โควิดโอไมครอน BA.2 เสี่ยงเด็กมากขึ้น ความรุนแรงอาการ-เสียชีวิต

งานวิจัยล่าสุดจากฮ่องกง ชี้ โควิดโอไมครอน BA.2 มีผลกระทบต่อเด็กมากขึ้น ทั้งความเสี่ยงของอาการที่รุนแรง และอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้น

การศึกษาใหม่จากฮ่องกงเกี่ยวกับความรุนแรงของโควิดโอไมครอน BA.2 ในเด็ก พบว่า มีความรุนแรงมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ หรือเปรียบเทียบกับโรคพาราอินฟลูเอนซา และโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การวิจัยนับจำนวนผู้เสียชีวิตและผลลัพธ์ที่ร้ายแรงอื่น ๆ ได้ในจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

ผลการวิจัยถือเป็นข้อมูลเบื้องต้น เนื่องจากมางานวิจัยดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยนักวิจัยภายนอก หรือได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ รวมไปถึงยังไม่ได้รับการยืนยันจากการศึกษาอื่น ๆ

พญ.เบธ ธีเลน (Dr.Beth Thielen) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็กที่มหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Minnesota) กล่าวว่า "ฉันคิดว่าเป็นเรื่องยากพอควรที่จะรู้ว่าในแต่ละสถานที่จะเป็นอย่างไร เพราะประชากรในแต่ละที่อาจได้รับเชื้อโควิด-19 ไปก่อนบ้างแล้ว ทั้งโควิดเดลต้า หรือ โควิดโอไมครอน BA.1"

แต่ พญ.ธีเลน ตั้งข้อสังเกตว่า การศึกษานี้นำเสนอมุมมองที่สำคัญเกี่ยวกับความสามารถของโควิดโอไมครอน BA.2 ที่เจาะจงไปที่กลุ่มประชากรที่เปราะบาง และยังเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มเด็ก รวมไปถึงการเพิ่มการรักษาสำหรับกลุ่มอายุนี้

"กลุ่มประชากรนี้ค่อนข้างมีความจำกัดในการรักษา เราสามารถให้ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ได้ แต่เราไม่มีเครื่องมือรักษาอย่างอื่นมากมายนัก"  พญ.ธีเลน กล่าว

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

โควิดโอไมครอน BA.2 กระทบประชากรกลุ่มเปราะบาง

ตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ฮ่องกงได้ใช้มาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด การติดตามเส้นทางโรค ตลอดจนการปิดธุรกิจและบริการ รวมถึงโรงเรียน ทำให้ฮ่องกงสามารถลดจำนวนผู้ป่วยได้ เพราะประชากรมีโอกาสเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ที่น้อยลง และฝ่าฟันตลอดสองปีที่ผ่านมานี้

นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง จนกระทั่งโควิดโอไมครอน BA.2 ที่ติดต่อได้สูงขึ้นกว่าโควิดโอไมครอน BA.1 ถึง 30% ถาโถมฮ่องกง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมืองเกาะแห่งนี้ก็มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ ที่หลายคนลังเลในการฉีดวัคซีน

แต่ใช่ว่าเด็ก ๆ จะได้รับการยกเว้นจากโควิดโอไมครอน BA.2 การศึกษาใหม่ได้เปรียบเทียบผลลัพธ์สำหรับเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยสายพันธุ์นี้กับผลลัพธ์สำหรับเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ (ระหว่าง ม.ค. 2020 - พ.ย. 2021) กับโรคพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) และโรคไข้หวัดใหญ่ โดยอ้างอิงข้อมูลเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยไข้หวัดใหญ่จากเวชระเบียนระหว่าง ม.ค. 2015 - ธ.ค. 2018

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโอไมครอนในฮ่องกงซึ่งส่วนใหญ่มาจากโควิดโอไมครอน BA.2 มีเด็กกว่า 1,147 คนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเสียชีวิต 4 ราย

เด็กที่เสียชีวิตอายุ 11 เดือน , 3 ปี , 4 ปี และ 9 ปี โดยที่ก่อนหน้านี้สามคนมีสุขภาพดี แต่เด็กที่อายุ 9 ขวบมีอาการกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy) โดยที่เด็กทั้ง 4 คนนี้ไม่มีใครได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เลย ซึ่งเด็กสองคนเสียชีวิตจากโรคไข้สมองอักเสบหรือสมองบวม

เมื่อนักวิจัยเปรียบเทียบอัตราการเสียชีวิต พบว่าเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโควิดโอไมครอน BA.2 มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยไข้หวัดใหญ่ถึง 7 เท่า และมีโอกาสเสียชีวิตจากโควิดโอไมครอน BA.2 มากกว่าผู้ป่วยโรคพาราอินฟลูเอนซาถึง 6 เท่า

อัตราการเสียชีวิตเท่ากับ 0.35% สำหรับโควิดโอไมครอน BA.2 , ในขณะที่โรคไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 0.05% และ 0.04% สำหรับโรคพาราอินฟลูเอนซา

นอกจากนี้ โอกาสของเด็กที่ติดโควิดโอไมครอน BA.2 จะต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียูนั้นสูงการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ก่อน ๆ ถึง 18 เท่า ซึ่งสูงกว่าไข้หวัดใหญ่ถึง 2 เท่า และใกล้เคียงกันกับโรคพาราอินฟลูเอนซา

ก่อนหน้านี้ ฮ่องกงไม่มีบันทึกกรณีของเด็กติดโควิด-19 สายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้าที่เกิดอาการชักจากไข้ แต่เด็กที่ติดโควิดโอไมครอน BA.2 มีโอกาสเป็นลมชักที่เกิดจากไข้มากกว่าเด็กที่ป่วยไข้หวัดใหญ่ถึง 3 เท่า และมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าเด็กที่ติดโรคพาราอินฟลูเอนซาถึง 4 เท่า

นอกจากนี้เด็กที่ติดโควิดโอไมครอน BA.2 ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองบวมได้สูงกว่าเด็กที่เป็นโรคพาราอินฟลูเอนซา แต่ใกล้เคียงกับเด็กที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่

ในแง่ของการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ เด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประมาณ 5% เป็นโรคซาง ในขณะที่เด็กติดโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ มีโอกาสอยู่ที่ 0.27% ทำให้โอกาสที่กลุ่มเด็กติดโควิดโอไมครอน BA.2 เสี่ยงสูงกว่าประมาณ 11 เท่าเทียบกับโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้า และประมาณสองเท่าเมื่อเทียบกับโรคไข้หวัดใหญ่

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง สรุปว่า "ความรุนแรงที่แท้จริงของโควิดโอไมครอน BA.2 ไม่รุนแรงเท่าที่เห็นได้จากการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของเด็กที่ไม่ติดเชื้อและไม่ได้รับวัคซีน"

เตรียมตัว แต่อย่าตื่นตระหนก

แม้ว่าผลการศึกษาอาจดูน่ากลัว แต่ พญ.คลอเดีย โฮเยน (Dr.Claudia Hoyen) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็กที่จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเด็กและทารกเรนโบว์ (UH Rainbow Babies & Children's Hospital) ในคลีฟแลนด์ (Cleveland) กล่าวว่า พ่อแม่ควรจำไว้ว่า "โอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตจากโควิดโอไมครอนนั้นต่ำมาก มาก มาก มาก"

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ระบุว่า เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่เสียชีวิตโควิด-19 มีอัตราน้อยกว่า 0.1%

"ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรต้องตื่นตระหนก เมื่อได้เห็นสิ่งที่เราเห็นจากการศึกษาครั้งนี้ หลายคนอาจรู้สึกโล่งใจ แต่มันยังไม่จบ มีประชากรจำนวนมากที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและต้องได้รับการป้องกัน " พญ.โฮเยน กล่าว

พร้อมเสริมด้วยว่า "สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก พวกเขาอาจต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าครอบครัวอื่น ๆ"

พญ.ธีเลน เห็นด้วย วิธีที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวในการปกป้องทารกและเด็กเล็กคือต้องแน่ใจว่าทุกคนรอบตัวพวกเขาได้รับการฉีดวัคซีน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าวัคซีนโควิด-19 มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากแอนติบอดีจากวัคซีนป้องกันทั้งคุณแม่และเด็กทารกในครรภ์เป็นระยะเวลาหนึ่งหลังคลอด และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังช่วยป้องกันได้เนื่องจากแอนติบอดีส่งผ่านไปยังทารกผ่านทางน้ำนมแม่

related