ศรีสุวรรณ ยื่นฟ้อง อนุทิน และพวกจัดชื้อ 'ฟาวิพิราเวียร์'ชี้มีข้อพิรุธ ประเทศผู้ผลิตยังไม่อนุมัติให้ใช้ ขณะที่หมอมนูญ วอนองค์การเภสัชควรหยุดผลิตและนำเข้าเพราะไม่มีข้อมูลยืนยันว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ ลดการป่วยได้จริง แนะหันไปส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทย
วันที่ 19 มี.ค. 65 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมาศาลปกครองกลาง เพื่อยื่นฟ้อง รมว.กระทรวงสาธารณสุข, ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, อธิบดีกรมการแพทย์ และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ฐานใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบในการผลักดันการจัดซื้อจัดหายาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มไม่หยุดหย่อน ทั้งๆที่ยาดังกล่าวประเทศผู้ผลิตยังไม่อนุมัติให้ใช้ยาดังกล่าว เพราะอาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการจัดหาเวชภัณฑ์ยาและขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน 2564 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ โดยมีสาระสำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงรายการจัดซื้อเวชภัณฑ์ยาจากยา Molnupiravir (โมลนูพิราเวียร์) ตามโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ฯ 50,000 โดส เป็นยา Favipiravir-ฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 17,065,457 เม็ดโดยก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งให้ซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ ในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 แล้วจำนวน 254 ล้านเม็ด และเดือนตุลาคม-ธันวาคม เดือนละ 100 ล้านเม็ด รวม 300 ล้านเม็ด ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 4-6 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ศรีสุวรรณร้อง กกต. สอบพลังประชารัฐ ขับธรรมนัสพ้นพรรค ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศรีสุวรรณ ร้องเอาผิดบิ๊กป้อม ฐานรับรองให้สิระ เจนจาคะ ลงเลือกตั้ง
ซึ่ง“ยาฟาวิพิราเวียร์” นั้นเป็นที่ยืนยันแล้วว่าบริษัทเจ้าของสูตรยาในญี่ปุ่นจะยุติการทดลองใช้ยาดังกล่าวกับโรคโควิด-19 เนื่องจากความยากลำบากในการประเมินประสิทธิผลของยาที่มีต่อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน และจนถึงบัดนี้รัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังไม่อนุมัติให้ใช้ยานี้ เพราะบริษัทผู้ผลิตไม่สามารถมีข้อมูลที่เพียงพอเพื่อพิสูจน์ถึงประสิทธิผลและความปลอดภัย ล่าสุดหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ ยังออกมาโพสต์วอนให้องค์การเภสัชควรหยุดผลิตและนำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์เสีย เพราะไม่มีข้อมูลยืนยันว่ายาฟาวิพิราเวียร์ลดการป่วยได้จริง
การที่กระทรวงสาธารณสุขมุ่งแต่จะผลักดันให้มีการจัดซื้อจัดหายาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่แน่ใจว่ามีผลประโยชน์ใดแอบแฝงอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะต้องใช้เงินกู้ซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินที่เป็นภาษีของประชาชนไปจัดซื้อจัดหานับหมื่นล้านบาท ทั้งๆที่มีข้อพิสูจน์และผลงานวิจัยมากมายว่ายาแผนโบราณของไทยหลายชนิด อาทิ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ แอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide) มีประสิทธิภาพในการจำกัดการแพร่ของไวรัสได้ แต่กลับไม่มีการส่งเสริมการใช้ในวงการแพทย์กันอย่างจริงจังในสถานพยาบาลของรัฐ
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงนำความมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งหลายร่วมกันระงับการจัดซื้อจัดหายาชนิดดังกล่าวเสีย และให้หันไปส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทย“ฟ้าทลายโจร”กันอย่างจริงจังเสียที นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด