พระอาจารย์อุเทน เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ แถลง โยคีปอ-โรเบิร์ต ถูกชายชุดดำถือปืนสกัด-ไล่ลงจากเขา ระบุ “เป็นตำรวจตระเวนชายแดน ถูกนายสั่งมา” อ้างสถานการณ์ชายแดนไม่ปลอดภัยและการระบาดของโควิด
วันที่ 18 มี.ค. 2565 "หลวงพี่อุเทน" หรือ พระอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ แถลงข่าว ร้องขอความช่วยเหลือไปยัง สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผบช.ตชด. เนื่องจากระบุว่า ถูกสะกดรอย , ติดตาม และสกัดจากตำรวจตระเวนชายแดน หลังธุดงค์ขึ้นเขากระโจม เมื่อคืน 17 มี.ค. เข้า 18 มี.ค. ขณะกำลังจะไปธุดงค์ต่อที่ถ้ำลอด กาญจนบุรี
นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ บอกว่าหลังจากลงเขากระโจม และกำลังจะเดินทางไปปฎิบัติธรรมยังจังหวัดกาญจนบุรีต่อ โดยขณะเดินทางไป พบว่าถูกสกัดจากรถยนต์ปริศนา ปิดหัว-ท้าย เมื่อถึงสามแยกหนึ่งในราชบุรี และให้หันรถกลับวัด
เมื่อถึงวัด และลงจากรถแล้ว จึงถามคนที่ตามมาว่า ตามทำไม ซึ่งเมื่อถามว่าเป็นตำรวจหรือไม่ ก็มีการแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ แล้วหลังจากนั้นมีการสอบถามต่อว่าหน่วยไหน มาตามหมายของใครหรือไม่ ? ปรากฏว่าตำรวจที่อยู่ในระกระบะและรถเก๋งกลับขับรถหนี แต่ยังมีตำรวจอีก 3 นาย พกอาวุธ ยังเฝ้าอยู่ที่วัด หลังจากนั้นก็มีการแจ้งความกับตำรวจท้องที่ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
วัดท่าไม้ แถลงด่วน โยคีปอ-โรเบิร์ต จะพูดแล้ว พร้อมคลิปหลักฐานสำคัญเช้านี้
"ปอ-โรเบิร์ต" ผู้ต้องหาในคดี "แตงโม นิดา" สับขาหลอก ย้ายวัดบวชพราหมณ์
“จากการสอบถามว่า มีการปิดหัว-ท้ายรถยนต์ของตนเองทำไม ทางตำรวจอ้างว่า กำลังจะกลับรถพอดี”
ปอ เล่าว่า การเดินธุดงค์และการปฏิบัติธรรมครั้งนี้ไม่มีการสร้างภาพ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกให้สื่อมวลชนจึงมีเจ้าหน้าที่ 1 คน ถ่ายภาพและส่งให้สื่อมวลชน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ปฏิบัติธรรมคนอื่น ๆ การบวชครั้งนี้ทำเพิ่ออุทิศให้กับแตงโมจริง ๆ
“ผมให้คำมั่นสัญญาว่าการหนีไปยังพม่า เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ขอให้ทุกคนวางใจ”
ปอ บอกต่อไปยังสังคมว่า หลักฐานต่าง ๆ ที่สังคมมีการคาดคะเน คาดการณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ ทำให้คนรอบตัว ชีวิตของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บนเรือ ได้รับผลกระทบ ซึ่งเมื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ปรากฏออกมา มีการปิดคดี วันนั้นจะออกมาอธิบายอีกครั้งหนึ่ง
"หลวงพี่อุเทน" ระบุว่า จากการสอบถามบุคคลที่ติดตามมาเขาบอกว่า “นายสั่งมา” และหลังจากนั้นจึงทราบว่าเป็น ตำรวจตระเวนชายแดนและมียศด้วย จากบัตรประจำตัว ซึ่งชุดที่สะกดรอย ยังเดินสวนกันที่เขากระโจม และด่านตรวจก่อนขึ้นเขาด้วย
การเดินธุดงค์มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง ยืนยันว่าปกติเดินธุดงค์ก็เริ่มเดินตอนกลางคืนเป็นปกติอยู่แล้ว และการธุดงค์ครั้งนี้ ก็มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตั้งแต่กลางวันแล้ว ที่ผ่านมาการธุดงค์ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ตั้งข้อสงสัยว่า “ตำรวจรังแกประชาชนด้วยการขับรถปิดหัว-ท้ายได้อย่างไร ?” พร้อมตั้งคำถามต่อว่า “ใครจะมาจ้างตำรวจให้เปลี่ยนประเด็น และ ทำไปทำไม”
ทั้งนี้ เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ตอบคำถามนักข่าวว่า หากตำรวจจะขอติดตามก็เป็นสิ่งที่ตำรวจสามารถทำได้ ไปปฏิบัติธรรมด้วยกันก็ทำได้
นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต เล่าว่า เมื่อวาน(17 มี.ค.) มีการเดินธุดงค์ซึ่งในระหว่างที่จะเดินก็เจอนักข่าวอยู่บ้าง ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่ได้บำเพ็ญเพียร ซึ่งหลังจากลงจากเขาก็จะไปปฏิบัติธรรมต่อที่กาญจนบุรี ขอให้ตำรวจปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนแต่ไม่ใช่ทำแบบเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่วนตัวเชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง ส่วนสาเหตุที่ในกระเป๋ามีโทรศัพท์อยู่เพราะตนเองไม่มีไฟฉาย จึงใช้โทรศัพท์เพื่อเป็นไฟฉายเท่านั้น
เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องจะผิดจะถูกก็ขอให้ไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหลังจากนี้ทั้ง 2 คน จะมีการแถลงข่าว จะอยู่ต่อหรือจะทำอะไร หลังจากปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ทั้ง 2 คนจะตัดสินใจ