อนุทิน แจงกรณีผ่อนคลายไม่ส่วมหน้ากากฯ ชี้ประเมินสถานการณ์ก่อน ไม่ทำทันที

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ข่าวที่ว่า สาธารณสุขฯ เตรียมเสนอ ศบค. ผ่อนคลายมาตรการใส่หน้ากากอนามัย ว่า เป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน การผ่อนคลายใส่หน้ากากอนามัยฯ นั้นถูกวางเป็นเป้าหมายไว้ กรณีเมื่อโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งการที่ไปถึงในจุดหมายที่ตั้งเป้าไว้ จำเป็นต้องดูเรื่องของการอัตราการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาล การรักษา ยา เวชภัณฑ์ และบุคลากร ตลอดจนมาตรการต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างปกติก่อนเกิดโรคระบาดให้ได้มากที่สุด 

กระทรวงสาธารณสุขมีการกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการที่โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น อาทิ อัตราการเสียชีวิต ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อถึงเป้าหมายแล้วจะพยายามผ่อนคลายมาตราการต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด ทางปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้กล่าวว่า ให้ทุกคนเปิดหน้ากากอนามัยฯ ไม่ต้องใส่แล้ว เพียงแต่ว่า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไปถึงจุดที่ดีขึ้น อาจจะพิจารณาผ่อนปรนได้บ้าง ในบางพื้นที่ เช่น สวนสาธารณะ โดยคนที่จะเข้าไปใช้บริการสวนสาธารณะนั้น จำเป็นต้องผ่านการคัดกรองอยู่แล้ว 

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขเตรียมที่จะเสนอในหลายมาตรการให้ ศบค. พิจารณา เช่น ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยไม่ต้องตรวจหาเชื้อ RT-PCR จากประเทศต้นทางก่อนเข้าไทย 72 ชั่วโมง แต่ให้มาตรวจหาเชื้อที่ประเทศไทยเลยตั้งแต่ที่มาถึง รวมถึงมาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

• ไฟเซอร์ ยื่นขออนุมัติฉีดวัคซีนเข็ม 4 ต่อ FDA
• WHO ยืนยัน 'โควิดเดลตาครอน' นี่คือสิ่งที่ทุกคนควรรู้
• เกาหลีใต้ ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ วันเดียวทะลุ 600,000 ราย

นายอนุทิน ระบุว่า ในช่วงสงกรานต์พยายามทำให้ทุกคนได้กลับไปเยี่ยมบ้านตามภูมิลำเนาของตนเอง จริง ๆ ข้อเสนอทางการแพทย์ไม่จำเป็นต้องเสนอผ่าน ศบค. เพียงรายงานให้ ศบค. รับทราบ

แนะนำประชาชนก่อนที่จะกลับบ้าน 7 วัน ในช่วงสงกรานต์ ให้คัดกรองตัวเอง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะนำไปสู่การติดเชื้อโควิด- 19 เพื่อให้ในช่วง 7 วันก่อนกลับบ้านมีความปลอดภัยมากที่สุด ในการพบกับคนในครอบครัว

ส่วนกิจกรรมเล่นน้ำ นายอนุทิน ระบุว่าขอให้ดูมติจากทาง ศบค. รวมถึงทางกรมควบคุมโรคจะต้องประเมินสถานการณ์ก่อน หากประเมินแล้วไม่เกิดความปลอดภัย อาจมีความเสียหาย ตรงจุดนี้อาจจะมีมาตรการตามออกมาด้วย ใคร่ขอความร่วมมือประชาชน ลด /  ละ / เลิก ในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ได้ ไม่ว่าจะเกิดจากการดื่มรวมกัน การหยิบจับภาชนะร่วมกัน เพื่อลดความสูญเสียจากโควิด-19 

ส่วน นโยบาย ยูเซฟพลัส ที่เริ่ม 16 มี.ค. วันแรกนั้น นายอนุทิน เปิดเผยว่า เบื้องต้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ได้สั่งการเน้นย้ำไปแล้ว ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงแต่โควิด-19 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากมีอาการฉุกเฉิน เช่น หายใจไม่ออก ความดันขึ้น มีอาการเกร็งของร่างกายหรือขยับอวัยวะไม่ได้ ซึ่งจะเข้าข่ายฉุกเฉิน ทางภาครัฐก็รับรักษาดูแลทั้งหมด แต่หากเป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ จะเข้าสู่หมวดผู้ป่วยสีเขียว ซึ่งจะรักษาในรูปแบบ  HI หรือ แบบผู้ป่วยนอก OPD เจอ แจก จบ 

ส่วนกรณีที่องค์การอนามัยโลกเปิดเผยข้อมูลของโควิดเดลตาครอน ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง โควิดเดลต้า และ โควิดโอไมครอน นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขประกาศ อาทิ ส่วมหน้ากากอนามัยฯ ฉีดวัคซีนป้องกัน ลดไปพื้นที่เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตามจะช่วยให้เรารับมือได้