ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี เตือน "โอไมครอน"กลายพันธุ์ เป็น "BA.2.2" มหาภัยสายพันธุ์ใหม่จาก "ฮ่องกง" ทำยอดผู้ติดเชื้อ-ผู้เสียชีวิตพุ่งสูงสุดในโลก ชี้ยังไม่พบในไทย และอยู่ระหว่างพัฒนาชุดตรวจคาดใช้ได้ใน 2 สัปดาห์
จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยที่ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่พบว่าเป็นสายพันธุ์ โอไมครอน เกือบ 100% ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ระบุเกี่ยวกับโควิด โอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ที่พบใน ฮ่องกง โดยระบุว่า...โอไมครอน BA.2.2 (B.1.1.529.2.2) มหาภัยสายพันธุ์ใหม่จาก "ฮ่องกง"
การระบาดใหญ่ระลอกล่าสุดของโอไมครอนบนเกาะฮ่องกง ได้ก่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ "BA.2.2" หรือ B.1.1.529.2.2 ที่มีการกลายพันธุ์เด่นตรงหนามแหลมซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนตำแหน่งที่ 1221 จาก I (Isoleucine) เป็น T (Threonine) หรือ "S:I1221T" (ภาพ 1-4) โดยพบมีแพร่ระบาดไปยังอังกฤษแล้วเช่นกัน
การระบาดระลอกใหม่นี้ทำให้มีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในฮ่องกงพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในโลก โดยมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยในรอบ 7 วันอยู่ที่ 30 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่ 0.85 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน (ภาพ 5) ดังนั้นท่านที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนรีบไปฉีดนะครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
กรมวิทย์ฯ เผย โอไมครอน BA.2 มาแรง แพร่เร็วกว่า BA.1 ถึง 1.4 เท่า
"CDC" เพิ่มไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงโควิดสูงสุด แนะหลีกเลี่ยงการไปเยือน
หมอยง ชี้ โอไมครอน BA.2 จ่อเป็นสายพันธุ์หลัก แนะปรับตัว-ลดอาการของโรคให้ได้
ที่น่ากังวลคือจากการที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จากโอไมครอน ในฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างมากเฉลี่ยในรอบ 7 วันอยู่ที่ 5,425 คนต่อประชากร 1 ล้านคน เมื่อเที่ยบกับอันดับสองประเทศลัตเวียจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็น 5,278 ต่อประชากร 1 ล้านคน ประเทศไทยอยู่ที่ 315 คนต่อประชากร 1 ล้านคน แต่ปรากฏว่าอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 บนเกาะฮ่องกงสูงมากคือโดยมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยในรอบ 7 วันอยู่ที่ 30 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ในขณะที่ทั้งลัตเวียและไทย อยู่ที่ 10.7 และ 0.7 ตามลำดับ
(ภาพ 6) กล่าวคือที่ฮ่องกงมีอัตราผู้เสียชีวิตสูงกว่าลัตเวียถึง 2 เท่า โดยทั้งลัตเวียและไทยมีการะบาดของ BA.1 และ BA.2 ไม่พบ ฺBA.2.2 ทำให้มีแนวโนมว่าโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อย BA.2.2 อันเกิดมาจากการติดต่อระหว่างคนสู่คนที่สูงมากของฮ่องกงอาจเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้อัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในฮ่องกงพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในโลก
ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ฮ่องกงและทั่วโลกกำลังประมวลผลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ BA.2.2 กับข้อมูลทางคลินิกเพื่อตอบปัญหาสำคัญ 6 ประการ
1. BA.2.2 กลายพันธุ์ไปมากกว่า BA.2 หรือไม่ และตำแหน่งใดบ้างโดยเฉพาะในส่วนยีนที่ควบคุมโครงสร้างของหนาม (spike) ที่เปลือกของอนุภาคไวรัส
2. BA.2.2 แพร่ระบาด (transmissibility) รวดเร็วกว่า BA.2 หรือไม่
3. BA.2.2 ก่อให้เกิดอาการของโรคโควิดได้รุนแรง (severity) กว่า BA.2 หรือสายพันธุ์ที่น่ากังวลใจ (variants of concern) อื่นๆ เช่น อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา หรือไม่
4. BA.2.2 สามารถด้อยประสิทธิภาพของวัคซีนลงมากกว่า BA.2 หรือไม่
5. ยารักษาโมโนโคลนอลแอนติบอดีตัวล่าสุด “โซโทรวิแมบ” (Sotrovimab) ที่ใช้ต่อต้านโอไมครอน ยังสามารถจับกับ BA.2.2 ได้อยู่หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ของระบบทางเดินหายใจ
6. ใช่หรือไม่ ที่ BA.2.2 เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในฮ่องกงสูงที่สุดในโลก (ภาพที่ 7)
ปัจจุบันยังไม่พบ BA.2.2 ในประเทศไทย แต่เพื่อไม่ประมาททางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯได้เริ่มพัฒนาชุดตรวจ BA.2.2 แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จนำออกใช้ตรวจกรอง BA.2.2 ได้ภายในอีก 2 สัปดาห์ด้วยเทคโนโลยี “MassArray Genotyping” ซึ่งใช้เวลาในการตรวจรู้ผลบรรดาสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variants of concern: VOC) รวมทั้ง BA.2.2 ในการตรวจเพียงครั้งเดียว (single reaction) ใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมงในการออกผล