4 มี.ค สปริงนิวส์ ได้จัดให้มีงานพบปะ พูดคุยเป็นการพิเศษ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันถือกำเนิด สปริงนิวส์ ครบ 1 รอบ ในวันที่ 5 มีนาคม ที่เนชั่น ทาวเวอร์ ถนนเทพรัตน บางนา
นับจากปี พ.ศ. 2553 ช่วงที่ประเทศไทยตกอยู่ท่ามกลางสถานกรณ์ความขัดแย้งทางการเมือง สปริงนิวส์ ก็ถือกำเนิดขึ้นโดยทำหน้าที่ สื่อมวลชน อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา เพื่อให้ สปริงนิวส์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนไทยในการเสพข่าวผ่านหน้าจอโทรทัศน์ และทำต่อเนื่องยาวนานมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ก่อนที่จะผันตัวเองขึ้นมา อยู่บนโลกออนไลน์ นำเสนอคอนเทนต์ผ่านทุกแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชมและผู้อ่านชาวไทย
การย้ายตัวเองจากหน้าจอโทรทัศน์ไปอยู่บนโลกออนไลน์ในขณะที่มีฐานผู้ติดตามกว่า 8 ล้านคน ไม่ใช่เรื่องง่าย สปริงนิวส์ หรือ สปริงออนไลน์ จึงต้องคิดหาหนทางนำเสนอข่าวในรูปแบบใหม่ ที่แปลกและแตกต่างไปจากสื่ออื่นๆ ในสนามข่าวออนไลน์ซึ่งมีมาก่อนหน้านี้ ทั้งผ่านการลองผิดลองถูก การศึกษาค้นคว้า หาแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับการนำเสนอคอนเทนต์ผ่านโลกออนไลน์ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่สังคมจะได้รับ
สปริงนิวส์ พลิกวิธีคิด กระบวนการทำงาน จนพบคำตอบว่า สื่อมวลชนเป็นหนึ่งในผู้ชี้นำทางความคิดให้คนในสังคม จึงต้องรับผิดชอบทุกๆ การนำเสนอเนื้อหา ข้อมูล หรือเรื่องราวต่างๆ และทุกประเด็นที่นำเสนอจะต้องผ่านการกลั่นกรอง คัดเลือก ก่อนที่จะเผยแพร่สารออกสู่สาธารณะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ด้วยเหตุนี้ สปริงนิวส์ จึงกำหนดเป้าหมายที่จะลดการนำเสนอข่าวหรือเรื่องดราม่าออกสู่สังคม โดยจะคงไว้ซึ่งการคัดเลือกเรื่องราวที่มีประโยชน์ มีสาระความรู้ ให้ข้อคิดหรือทางออกเกี่ยวกับประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ รวมทั้งมุ่งผลิตคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ เติมพลังบวก โดยจะต่อยอดจากเรื่องราวหรือข่าวสารรายวัน และประเด็นร้อนที่ผู้คนค้นหาคำตอบ ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปเพราะการถาโถมเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล
แนวคิดทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของ “Digital changing your life” คอนเซ็ปต์ที่ สปริงนิวส์ ใช้เป็นหลักยึดในการผลิตคอนเทนต์ที่จะผ่านการสร้างสรรค์ออกมาในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบรายการออนไลน์ คอนเทนต์สำหรับอ่านและรับชมบนเว็บไซต์ อินโฟกราฟิก ไปจนถึงรายการบนหน้าจอโทรทัศน์
หากเป็นสื่อโทรทัศน์อย่างแต่ก่อน สปริงนิวส์ คงเฟ้นหาตัวผู้ประกาศหรือพิธีกร เพื่อรายงานข่าวอย่างที่เคยเป็นมา แต่เมื่อโลกหมุนไป ความต้องการเสพเนื้อหาและสาระความรู้ของผู้คนก็เปลี่ยนไป สปริงนิวส์ ในนิยามของ สปริงออนไลน์ จึงเปลี่ยนมาเฟ้นหาผู้ประกาศมารับหน้าที่เป็น "คนเล่าข่าว นักเล่าเรื่อง" โดยมุ่งหวังให้ตอบโจทย์โลกการสื่อสารในยุคปัจจุบัน และเข้าถึงผู้ชมให้ได้มากที่สุด
ดังเช่น "น้องเฟรม" นักเล่าเรื่องหน้าใหม่ของสปริงนิวส์ ที่มาสื่อสารความเป็นมาเป็นไป เติมความเข้าใจเรื่องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ผ่านรายการ "Digital Life"
สปริงนิวส์ยังมี "น้องปลา" นักเล่าเรื่อง Gen Z ที่มีอินเนอร์ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมแบบเต็มร้อย และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสื่อสารให้ทุกคนช่วยกันรักษาโลกใบนี้ให้ฟื้นคืนสภาพที่ดีกว่าปัจจุบันด้วยความเข้าใจและตระหนักรู้ โดยเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้ใช้สิทธิ์ในการหวงแหนสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกัน ผ่านทางรายการ "Keep the world"
และที่ขาดไม่ได้คือ Curation หรือ การคัดเลือกเรื่องราวข่าวสารที่หลั่งไหลเข้ามาท่วมท้นในแต่ละวันยิ่งกว่าสายน้ำ ให้เหลือเพียงเรื่องที่คุณต้องรู้ ควรรู้ ผ่านความเข้าใจของ "จ๊ะโอ๋" ที่นำมาเล่าสู่กันฟังอย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ภายใต้ชื่อรายการ #SPRiNGสรุปให้
พร้อมด้วยสาระความรู้อีกหลากหลายรายการ ได้แก่
• "สุดกับหมาแก่" โดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์
• "Turning point คิดเปลี่ยนชีวิต" รายการที่มุ่งสร้างแรงบันดาลใจ สร้างกำลังใจ
• "สำเร็จสุข" รายการที่นำเสนอความสุขเล็กๆ แต่เป็นตัวอย่างให้ผู้คนได้สังเกตเห็นบางมุมของชีวิตที่อาจมีความสุขแฝงอยู่
• "แกล้มเล่า" Food story ที่จะทำให้ผู้ชมรู้ว่า อาหารไม่ได้มีแค่รสอร่อย แต่ทุกเมนูยังมีเรื่องเล่าเฉพาะตัว
• "ลองแล้ว" รายการที่ทุกคนจะได้เห็นการทดลองอะไรใหม่ๆ ผ่านมุมมองของคนธรรมดาที่นำประสบการณ์มาบอกต่อแบบไม่มีเก็บ ไม่มีกั๊ก
การที่ สปริงนิวส์ เปลี่ยนบทบาทจากผู้นำเสนอข่าว มาเป็นผู้คัดกรอง สร้างสรรค์ นำเสนอสาระความรู้ แง่คิด และพลังบวกในรูปแบบใหม่ๆ ภายใต้เป้าหมายสำคัญคือ มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ส่งต่อสังคมดี สภาพแวดล้อมดี ให้คนไทยรุ่นลูกหลานได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มากกว่าที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งหมดนี้คือสารที่ สปริงนิวส์ ตั้งใจสื่อถึงความเปลี่ยนแปลง และในวาระครบรอบ 12 ปี สปริงนิวส์ จึงเชิญทุกคนมาร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวไปในทิศทางที่ดีขึ้นผ่านเว็บไซต์ www.springnews.co.th และโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม