เศรษฐกิจรัสเซียเล็กนิดเดียว แต่ทำไมถึงสำคัญมากและเกี่ยวข้องกับทุกคน!

แม้รัสเซียจะไม่ใช่มหาอำนาจด้านเศรษฐกิจโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของรัสเซีย ถูกจัดอันดับอยู่ที่ 12 ของโลกตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเล็กกว่าอิตาลีประมาณ 25% และเล็กกว่าแคนาดามากกว่า 20% ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีประชากรเพียงเศษเสี้ยว

เหตุใดชาวตะวันตกจึงไม่เต็มใจที่จะเปิดการโจมตีรัสเซียด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างเต็มรูปแบบมากนัก อย่างที่เคยเป็นมาเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่เคยทำ

คำตอบนั้นง่าย "น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ" นั่นเอง

รัสเซียเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุด ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการตัดการส่งออกเหล่านั้นสามารถผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านั้นได้มากถึง 50% จากการประมาณการบางอย่าง ซึ่งมากกว่าราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

• Meta และ YouTube คว่ำบาตรรัสเซีย ด้วยการบล็อกสื่อรัสเซีย
• รักษาการนายกรัฐมนตรียูเครน ร้องบิ๊กเทคหยุดซัพพอร์ตรัสเซีย
• อาเซียน ออกแถลงการณ์ ถึงสถานการณ์รัสเซียบุกยูเครน

จอช ลิปสกี้ (Josh Lipsky) ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐศาสตร์ภูมิศาสตร์แห่งสภาแอตแลนติก (GeoEconomics Center at the Atlantic Council) หน่วยงานระดับนานาชาติ กล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เกาหลีเหนือ มันไม่ใช่เวเนซุเอลา มันไม่ใช่อิหร่าน เนื่องจากการส่งออกพลังงาน รัสเซียมีความสำคัญอย่างเป็นระบบและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดพลังงานโลก"

การคว่ำบาตรที่ประกาศในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับรัสเซียรวมถึงการแกะสลักลึกหนาบางสำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน ลิปสกี้โต้แย้งว่าหากชาติตะวันตกห้ามส่งออกพลังงานของรัสเซีย จะทำให้ราคาพลังงานพุ่งขึ้นในลักษณะที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจรัสเซียมากกว่าที่จะทำร้ายมัน เขากล่าวว่ารัสเซียจะหาผู้ซื้อรายอื่น ๆ มาซื้อพลังงาน เช่น ในจีน และจะมีเงินสดเข้ามามากขึ้น ไม่น้อย

"ใช่ การห้ามส่งออกพลังงานจะรู้สึกเหมือนเป็นมาตรการที่รุนแรง แต่มันจะมีผลตามที่ต้องการจริงหรือ ?" ลิปสกี้ กล่าว

แกรี่ ไคลด์ ฮัฟเอาเออร์ (Gary Clyde Hufauer) นักวิจัยอาวุโสของสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศแห่งปีเตอร์สัน (Peterson Institute of International Economics) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อต่อต้านการส่งออกพลังงานของรัสเซีย ณ ขณะนี้ ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปซึ่งต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซียมากกว่ามาก ไม่เต็มใจที่จะดำเนินการดังกล่าว

"ยุโรปจะต้องหันไปใช้การควบคุมราคาและการปันส่วน นั่นจะไม่เป็นที่นิยมมาก พวกเขาไม่เต็มใจที่จะจ่ายราคานี้" ฮัฟเอาเออร์ กล่าว

รัสเซียยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ มากมาย รวมทั้งไม้แปรรูปและแร่ธาตุมากมาย เป็นผู้ผลิตไททาเนียมรายใหญ่อันดับสอง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตเครื่องบิน และยูเครนเป็นผู้ผลิตโลหะรายใหญ่เป็นอันดับห้า โบอิ้งอาจประสบปัญหาหากมีการตัดอุปกรณ์สิ้นเปลือง เดฟ คาลฮูน (Dave Calhoun) ซีอีโอ ยอมรับในการเรียกรายได้ในเดือนมกราคม

"ตราบใดที่สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเชื่องอยู่ ก็ไม่มีปัญหา ถ้ายังไม่เกิด เราได้รับการคุ้มครองมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่ตลอดไป" คาลฮูน กล่าวในขณะนั้น

แต่รัสเซียไม่ใช่ตลาดใหญ่สำหรับการส่งออกของประเทศตะวันตก สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าเพียง 6.4 พันล้านดอลลาร์ (2 แสนล้านบาท) ไปยังรัสเซียในปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอาจดูเหมือนมาก แต่จริงๆ แล้ว น้อยกว่าหนึ่งในห้าของการส่งออกไปยังเบลเยียม โดยการเปรียบเทียบ สินค้าของสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปยังจีนในปีที่แล้วมีมูลค่าถึง 1.51 แสนล้านดอลลาร์ (4.9 ล้านล้านบาท) 

เจสัน เฟอร์แมน (Jason Furman) ซึ่งเป็นประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจในการบริหารของโอบามา กล่าวว่า "รัสเซียมีความสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อในเศรษฐกิจโลก ยกเว้นน้ำมันและก๊าซ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่"

และประเทศที่เป็นคนแรกที่นำทั้งดาวเทียมและมนุษย์ไปในอวกาศได้ตกต่ำอยู่เบื้องหลังส่วนที่เหลือของโลกในด้านเทคโนโลยี

รัสเซียยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทางทหารและปัญญาประดิษฐ์ ไม่ต้องพูดถึงคริปโตเคอเรนซี ฮัฟเอาเออร์ กล่าว แต่ขึ้นอยู่กับการนำเข้าสำหรับเทคโนโลยีรูปแบบอื่นๆ ส่วนใหญ่ มากกว่าการผลิตภายใน มาตรการคว่ำบาตรสำหรับการส่งออกเทคโนโลยีไปยังรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

คำถามใหญ่คือมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศนอกรีตจะดำเนินต่อไปนานแค่ไหน?

ลิปสกี้และฮัฟเอาเออร์ ต่างเชื่อว่าพวกเขาจะมีผลบังคับใช้มาหลายปี แม้ว่าจะไม่จำเป็นว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือและคิวบาเป็นเวลาหลายสิบปีจะยังคงมีผลบังคับใช้ และยิ่งมีการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรนานขึ้น ความเสียหายต่อเศรษฐกิจของรัสเซียก็จะยิ่งมากขึ้น

"การลงโทษอาจใช้เวลานานในการกัด" ลิปสกี้กล่าว