สรุปเหตุการณ์รัสเซียโจมตียูเครน ตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สั่ง ปฏิบัติการทางทหารพิเศษในดอนบาส รวมไปถึงท่าทีของเหล่าผู้นำแต่ละประเทศต่อเหตุการณ์สงครามรัสเซีย - ยูเครน เป็นอย่างไร
สรุปเหตุการณ์รัสเซียโจมตียูเครน
ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 ก.พ. ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศ "ดำเนินการปฏิบัติการทางทหารพิเศษในดอนบาส (Donbas)" เพื่อเป็นการปกป้องผู้คนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของรัฐบาลยูเครนที่ยาวนานถึง 8 ปี ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ได้รับการสนับสนุนจากมอสโกในการแบ่งแยกดินแดน โดยทางประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ผ่านการรับรองการเป็นอิสระโดยขึ้นเป็น "สาธารณรัฐ" ให้แก่ ลูฮานสก์ (Luhansk) และ โดเนตสก์ (Donetsk)
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปูติน ระบุว่า "นี่ไม่ใช่เพื่อการยึดครองยูเครน" และจะไม่บังคับใครด้วยกำลัง รวมไปถึงการขอให้กองกำลังยูเครนวางอาวุธและกลับบ้าน
หลังจากนั้นการโจมตีได้เปิดฉากขึ้นด้วยขีปนาวุธหลายครั้งต่อสถานที่ต่าง ๆ ใกล้กรุงเคียฟ (Kyiv) เมืองหลวงของยูเครน ตลอดจนการใช้ปืนใหญ่ระยะไกลโจมตีเมืองคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ชายแดนรัสเซีย
และกองทัพรัสเซียบุกเข้ายูเครนจากสามทิศทางทั้ง เหนือ ตะวันออก และใต้ โดยได้รับการสนับสนุนจากเบลารุสให้กองทัพรัสเซียสามารถเคลื่อนขบวนทัพผ่านได้ บุกโจมตี โอเดสซา (Odessa) , ดนิโปร (Dnipro) , มาริพอล (Mariupol) และ ครามาทอร์สค์ (Kramatorsk)
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า รัสเซียมีการใช้ขีปนาวุธมากกว่า 160 ลูกในการจู่โจมยูเครน
เสียงไซเรนดังขึ้นก้องไปทั่วทั้งกรุงเคียฟ และเมืองลวีฟ (Lviv) ชาวยูเครนทั้งหลายต่างลงไปหลบซ่อนอยู่ตามสถานีรถไฟใต้ดินเพื่ออาศัยเป็นที่พักพิงเป็นการชั่วคราว
เมื่อสิ้นสุดการโจมตี เหลือไว้แต่ซากตึกและขีปนาวุธที่ปักตามท้องถนน ผู้คนต่างรีบคว้ากุญแจ และกดเงินสดเพื่อหลบหนีออกจากกรุงเคียฟ มุ่งหน้าไปยังโปแลนด์ ทางทิศตะวันตกที่เหลือเพียงทิศเดียวซึ่งปราศจากทหารรัสเซีย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
เศรษฐกิจอัมพาต
ภายหลังการโจมตียูเครนจากรัสเซียทำให้ตลาดหุ้นติดแดงทุกกระดานทั่วโลก ซึ่งมีผลไปถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่พากันดิ่งเหว
ในนาทีเปิดการซื้อขาย FTSE 100 ลดลง 2.5% CAC 40 ของฝรั่งเศสลดลง 4% และ Dax ของเยอรมนีลดลง 4%
ก่อนหน้านี้ ตลาดเอเชียและฟิวเจอร์สของหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากมีข่าวการดำเนินการทางทหารเกิดขึ้น ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงลดลง 3% Kospi ของเกาหลีลดลง 2.6% Nikkei 225 ของญี่ปุ่นสูญเสียเกือบ 2% หลังจากกลับมาจากวันหยุด Shanghai Composite ของจีนลดลง 1.7%
ฟิวเจอร์สของหุ้นสหรัฐร่วงลงเช่นกัน Dow Futures ลดลงมากถึง 780 จุดหรือ 2.4% สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P 500 และ Nasdaq ลดลง 2.3% และ 3% ตามลำดับ
ความสูญเสียในวงกว้างตามการลดลงอย่างรวดเร็วใน Wall Street ในวันพุธ ดาวโจนส์ปิดตัวลงมากกว่า 464 จุดหรือ 1.4% เป็นการขาดทุนติดต่อกันเป็นวันที่ห้า S&P 500 และ Nasdaq ลดลง 1.8% และ 2.6% ตามลำดับ
ความเคลื่อนไหวผู้นำประเทศ
ออสเตรเลีย
สกอตต์ มอร์ริสัน (Scott Morrison) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เรียกการรุกรานยูเครนของรัสเซียว่า "รุนแรง" และ "ปราศจากการยั่วยุ" พร้อมประกาศคว่ำบาตรบุคคล 25 ราย มุ่งเน้นไปที่ผู้บัญชาการกองทัพ คณะมนตรีกลาโหม คณะความมั่นคงแห่งรัสเซีย และสถาบันการเงินอีก 4 แห่ง รวมไปถึงเล็งคว่ำบาตรเพิ่มเติมอีกกว่า 300 ราย
"เราขอประณามการกระทำที่เป็นศัตรูฝ่ายเดียวในยูเครนคืออะไร รัสเซียกำลังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติอย่างโจ่งแจ้ง รัสเซียเลือกทำสงคราม เมื่อร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ เรากำลังรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งเพื่อประณามการกระทำที่ชั่วร้ายเหล่านี้ด้วยเงื่อนไขที่รุนแรงที่สุด" นายกฯ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย กล่าว
ตรุกี
ประธานาธิบดีเรเซป ทายยิป เออร์โดกัน (Recep Tayyip Erdogan) แห่งตุรกี ปฏิเสธการดำเนินการทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยเรียกการกระทำดังกล่าวว่า "ไม่เป็นที่ยอมรับ"
"ขั้นตอนนี้ ซึ่งเราเห็นว่าขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและสันติภาพของภูมิภาค เราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่รัสเซียและยูเครนที่เรามองว่าเป็นประเทศที่เป็นมิตรและเรามีความสัมพันธ์ทางการเมืองและสังคมที่ใกล้ชิดได้เผชิญหน้ากันในลักษณะนี้" เออร์โดกัน กล่าว
แคนาดา
จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีของแคนาดา ประณามรัสเซียที่รุกรานยูเครนและประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่
"แคนาดามีความชัดเจนในการประณามการจู่โจมรัสเซียโดยปราศจากการยั่วยุและไม่ยุติธรรมต่อรัฐอธิปไตยของยูเครน การเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ประชาธิปไตย และชีวิตมนุษย์ของประธานาธิบดีปูตินอย่างโจ่งแจ้ง เป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อความมั่นคงและสันติภาพทั่วโลก" ทรูโดร กล่าว
นายกฯแคนาดา เผยว่า กำลังจะ "ออกมาตรการคว่ำบาตรอย่างรุนแรง" ที่กำหนดเป้าหมายบุคคลและหน่วยงาน 58 รายรวมถึงสมาชิกของชนชั้นสูงของรัสเซียและสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา
ฝรั่งเศส
ก่อนหน้านี้ เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส พยายามที่จะรักษาสันติไว้ โดยทำหน้าที่เป็นคนกลางในการจัดการประชุมผู้นำสองมหาอำนาจอย่าง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในยูเครน แต่เมื่อรัสเซียรุกรานยูเครน ยังออกตัวว่าเป็น "การโจมตีสันติภาพที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ"
"การเลือกทำสงคราม ประธานาธิบดีปูตินไม่ได้แค่โจมตียูเครน เขาได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดเพื่อสันติภาพ ต่อความมั่นคงในยุโรปมานานหลายทศวรรษ" มาครง กล่าว
อังกฤษ
เรียกได้ว่านอกจากออสเตรเลียแล้วที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา ยังมีอีกหนึ่งชาติที่พูดภาษาเดียวกันอย่างอังกฤษ บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งรายที่ออกท่าทีที่จะคว่ำบาตรรัสเซียไม่ต่างจาก นายกฯสกอตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย
"ความกลัวที่เลวร้ายที่สุดของเราได้เป็นจริงแล้ว และคำเตือนทั้งหมดของเราได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแม่นยำอย่างน่าเศร้า ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในนามของคุณ หรือคุณต้องการสถานะคนเลวทรามที่จะนำไปสู่ระบอบการปกครองของปูติน" จอห์นสัน กล่าว
แม้อังกฤษจะยังไม่ระบุว่าการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นอย่างไร กล่าวไว้เพียงแต่ว่า เขาทำงานร่วมกับพันธมิตรใน "มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่" ซึ่งออกแบบมาเพื่อ "ขัดขวางเศรษฐกิจรัสเซีย" โดยที่ก่อนหน้าที่รัสเซียจะโจมตียูเครน นายกฯอังกฤษ ได้ประกาศคว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย 5 แห่งและบุคคล 3 รายไปแล้ว
นอกจากนี้การประนามและการคว่ำบาตรแล้ว รัฐบาลอังกฤษยังได้ประกาศสัมปทานวีซ่าสำหรับพลเมืองยูเครนเพื่อเป็นการช่วยเหลือ
สหภาพยุโรป
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ลีเยน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ให้คำมั่นว่าจะ "ทำให้ฐานเศรษฐกิจของรัสเซียอ่อนแอลงและความสามารถในการปรับปรุงให้ทันสมัย" โดยจะระงับทรัพย์สินของรัสเซียในสหภาพยุโรป และหยุดการเข้าถึงธนาคารรัสเซียไปยังตลาดการเงินในยุโรป
"การคว่ำบาตรเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผลประโยชน์ของเครมลินและความสามารถในการจัดหาเงินทุนในการทำสงคราม และเรารู้ว่าชาวรัสเซียหลายล้านคนไม่ต้องการทำสงคราม เราจะไม่อนุญาตให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแทนที่หลักนิติธรรม ด้วยกฎแห่งกำลัง และความโหดเหี้ยม ยูเครนจะชนะ" ประธานฯอียู กล่าว
จีน
จีนปฏิเสธที่จะประณามการโจมตีของรัสเซียในยูเครน และแทนที่จีนจะเรียกร้องให้ทุกฝ่าย "ใช้กำลังการยับยั้งชั่งใจ" กลับกล่าวหาว่าสหรัฐฯ "จุดไฟ" ในความตึงเครียด
ฮัว ฉันหยิง (Hua Chunying) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า "ปัญหาของยูเครนมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนมาก มันมีวิวัฒนาการมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันเนื่องจากการดำเนินการร่วมกันของปัจจัยต่าง ๆ ความปลอดภัยควรเป็นเรื่องของความร่วมมือร่วมและความมั่นคงที่ยั่งยืนและความกังวลด้านความปลอดภัยที่ถูกต้องตามกฎหมายของทุกฝ่ายควร ได้รับการเคารพและกล่าวถึง"
เมื่อถูกสื่อมวลชนถามจี้ถึงประเด็นว่า "จีนมองว่าการเคลื่อนไหวของรัสเซียเป็นการบุกรุกหรือไม่ ?"
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ตอบกลับว่า "ทำไมคุณถึงหมกมุ่นอยู่กับคำถามนี้ ? คุณสามารถถามฝ่ายสหรัฐฯ ได้ พวกเขายังคงจุดไฟอยู่ คุณสามารถถามพวกเขาว่าพวกเขามีแผนที่จะดับไฟไหม ?"
สหรัฐฯ และ NATO
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้สั่งให้ส่งทหารสหรัฐฯ จำนวน 7,000 นายไปยังยุโรปเพิ่มเติม เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ในยูเครน
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังพิจารณาที่จะย้ายกองกำลังสหรัฐฯ ทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศที่ประจำการอยู่แล้วในยุโรปไปยังประเทศต่าง ๆ ทางตะวันออกไกล อาทิ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย โปแลนด์ และโรมาเนีย
ทางด้าน NATO จะเพิ่มกองกำลังทางบก ทางทะเล และทางอากาศทางปีกตะวันออก ท่ามกลาง "การโจมตียูเครนที่น่าสยดสยองของรัสเซีย" พันธมิตรด้านความมั่นคงระบุในแถลงการณ์
"การกระทำของรัสเซียเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของยูโร-แอตแลนติก และพวกเขาจะมีผลกระทบเชิงภูมิศาตร์ NATO จะใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดต่อไปเพื่อรับรองความปลอดภัยและการป้องกันของพันธมิตรทั้งหมด เรากำลังส่งกองกำลังป้องกันทางบกและทางอากาศเพิ่มเติมไปยังภาคตะวันออกของพันธมิตร เช่นเดียวกับทรัพย์สินทางทะเลเพิ่มเติม เราได้เพิ่มความพร้อมของกองกำลังของเราในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด" คำแถลง ระบุ
รัสเซีย - ยูเครน สถานการณ์ล่าสุด
เกิดเหตุระเบิดขนาดใหญ่อีกอย่างน้อย 3 ครั้ง ส่งเสียงก้องไปทั่วกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ในช่วงเช้าตรู่วันนี้ (25 ก.พ. 65) ประมาณ 6:30 น. ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาจากทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง
ในขณที่กระทรวงกลาโหมยูเครน ระบุว่า กองทัพยูเครนได้สร้างความสูญเสียให้กับกองกำลังรัสเซียไปแล้วกว่า 800 นาย นับตั้งแต่การบุกรุกเริ่มขึ้นในช่วงเช้าวานนี้ (24 ก.พ. 65)
ไม่ชัดเจนในทันทีว่ากระทรวงอ้างถึงจำนวนผู้เสียชีวิตเพียงอย่างเดียวหรือไม่
กระทรวงฯ กล่าวว่า รถถังรัสเซียมากกว่า 30 คันถูกทำลาย รวมถึงเครื่องบินรัสเซีย 7 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 6 ลำ