"ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา" คุณแม่ลูกอ่อนป้ายแดง ตอบชัดเจนอีกครั้งหลังเจอคนรบเร้าให้ลงรูปหน้าลูกชายไม่เลิก พร้อมเผยเหตุผลที่ไม่โพสต์รูปลูกลงโซเชียล
ก่อนหน้านี้คุณแม่สุดเซ็กซี่ “ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา” ภรรยาสาวของนักร้องหนุ่ม “กวินท์ ดูวาล” เคยออกมาตอบคำถามถึงสาเหตุที่ไม่เปิดหน้าลูกชายคนแรก เนื่องจากตนเองให้ความสำคัญกับสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กจะได้รับจากผู้เลี้ยงดู และอยากให้ลูกโตจนตัดสินใจเองได้ว่าจะให้ลงโซเชียลได้หรือไม่ ท่ามกลางโซเชียลที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นซึ่งก็มีทั้งที่เห็นด้วยและบางรายที่มองว่าเจ้าตัวเรื่องเยอะ
ล่าสุด ปุ้มปุ้ย ได้เปิดโอกาสให้แฟนๆ ถามคำถามอีกครั้ง และก็มีคนเข้ามาถามเรื่องไม่ทำไมเปิดหน้าลูกอีกครั้งกับคำถามว่า “อยากรู้ทำไมไม่ให้เห็นหน้าน้องผ่านโซเชียล” และต่อมา ปุ้มปุ้ย ได้เข้ามาตอบคำถามดังกล่าวว่า “เพราะโพสต์ไปแล้วมันลบไม่ได้ค่ะ”
นอกจากนี้ได้มีคนถามว่า "รู้สึกหนักใจเวลามีคนรบเร้า อยากเห็นหน้าน้องบ้างมั้ย" ปุ้มปุ้ยก็เผยว่า "ไม่มีความหนักใจ แต่มีความเข้าใจมากๆค่ะ ว่าคนที่ติดตามก็อยากเห็น เข้าใจมาก ๆ ค่ะ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรียนรู้แนวคิด ปุ้มปุ้ย คุณแม่ป้ายแดง เคารพสิทธิไม่เผยหน้าลูก
ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา เผยเคล็ดลับคุณแม่ลูกอ่อนหุ่นแซ่บหลังคลอดลูกแค่ 25 วัน
สำหรับแนวทางในการแชร์ภาพของลูกหลานหรือเด็กๆ ลงในโซเชียลมีเดียนั้น มีการดำเนินการในการปกป้องเด็กและโพสต์ภาพหรือคลิป โดยไม่ให้กลายเป็นปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก ได้แก่
1. เพิ่มความเห็นอกเห็นใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราก่อนที่จะโพสต์ภาพหรือคลิปเด็ก อย่าคิดว่าแค่ขำๆ เพราะเด็กอาจจะไม่ขำ ไม่ตลกหรืออับอาย ไม่ควรนำไปเผยแพร่ ส่งต่อ หรือโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย
2. อย่าโพสต์คลิปและภาพเด็กลงโซเชียลมีเดียอยู่ตลอดเวลา เพราะเด็กจะขาดความเป็นส่วนตัวและมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงตัวได้
3. พ่อแม่ควรทำหน้าที่พ่อแม่ ไม่ใช่เป็นสื่อถ่ายคลิปเวลาที่เด็กร้องไห้และต้องการคนปลอบใจ
4. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลควรมีมาตรการในการดูแลที่จริงจัง เช่น กสทช. หน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลวิชาชีพอันเกี่ยวข้องกับสิทธิเด็ก เช่น ครู หรือเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์
5. สื่อและประชาชน ควรร่วมกันรณรงค์ ห้ามปราม และให้ความรู้ในเรื่องการเผยแพร่ภาพหรือคลิปที่ไม่ละเมิดสิทธิเด็ก เพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมของคนในสังคม ให้มีความยั้งคิดและชั่งใจถึงผลกระทบที่ตามมามากขึ้น โดยเฉพาะสื่อก็ไม่ควรเป็นตัวอย่างในการสร้างความคุ้นชินในการเผยแพร่ภาพหรือคลิปเด็กในรูปแบบที่เป็นการละเมิดเด็กด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้กฎหมายของประเทศไทยในเรื่องการปกป้องคุ้มครองเด็กนั้น มีความเข้มแข็งไม่แพ้ประเทศอื่นๆ แต่ขึ้นอยู่กับจะนำมาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็กและสร้างแนวคิดที่ดีต่อสังคมต่อไป