สถานการณ์โควิด-19 ในฮ่องกงสาหัส คล้ายจะคุมสถานการณ์ไม่อยู่ พร้อมแรงกดดันจากจีนให้เกาะแห่งนี้ทำตามนโยบายปลอดโควิด-19 ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของจีน ส่อแววแทรกแซงจากจีนแผ่นดินใหญ่ ล็อกดาวน์ทั่วเกาะ
จะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไร ?
นี่เป็นคำถามที่เจ้าหน้าที่ฮ่องกงในเมืองที่มุ่งมั่นที่จะรักษายอดผู้ป่วยโควิด-19 ให้เป็นศูนย์กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเกาะแห่งนี้มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันสูงถึง 4,000 ราย และมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดเริ่มจะพังทลายลงจากความตึงเครียดในกฎเกณฑ์ที่พวกเขาตั้งขึ้นเอง
เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ที่ฮ่องกงอาศัยมาตรการกักตัวที่เข้มงวดและความพยายามติดตามที่ซับซ้อนเพื่อแยกผู้ป่วยโควิด-19 ให้ออกห่างจากเมือง เพื่อให้มั่นใจว่าเกาะแห่งนี้จะปลอดภัยจากโควิด-19 แม้ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ของโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แล้วก็ตามที
แม้ฮ่องกงจะมีมาตรการที่เข้มงวดเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานต่อโควิดโอไมครอน (โควิดโอมิครอน) ที่สามารถแพร่ระบาดได้สูงจนเกิดเป็นการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงดั่ง "สึนามิ" ได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
ฮ่องกงยืนกรานที่จะส่งผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมดเข้าโรงพยาบาลโดยไม่คำนึงถึงความรุนแรงของอาการ ทำให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งจำเป็นต้องนำผู้ป่วยโควิด-19 ขึ้นเตียงเคลื่อนที่แล้วนำไปต่อคิวกันในลานจอดรถ
ในขณะเดียวกัน มาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นและการกักตัวผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้อยู่อาศัยจำนวนมากต่างตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของแนวทางดังกล่าวเมื่อฮ่องกงก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ของการระบาดโควิด-19
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฮ่องกงใช้ "มาตรการที่จำเป็นทั้งหมด"
จากการแทรกแซงครั้งดังกล่าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผง ทำให้หลายคนวิตกว่าฮ่องกงอาจกำลังจะเผชิญกับมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ใกล้เคียงกับที่จีนแผ่นดินใหญ่กำลังใช้อยู่ ซึ่งรวมถึงการล็อคดาวน์ทั่วทั้งเมืองอาจเกิดขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้
จนถึงตอนนี้ รัฐบาลฮ่องกงได้ปฏิเสธการล็อกดาวน์อย่างเด็ดขาด โดยชี้ว่าการกักขังคนมากกว่า 7 ล้านคนให้อยู่แต่ในบ้านพวกเขาเองเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ความคิดเห็นของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทำให้ชัดเจนว่า ฮ่องกงมีทางเลือกเพียงเล็กน้อย โดยที่จะต้องยึดมั่นในยุทธศาสตร์ "ปลอดโควิด" หรือ "โควิดศูนย์ราย" ของจีนอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในฮ่องกง
การระบาดครั้งใหม่ล่าสุดเริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคม และแม้ว่าจะยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดไม่อาจควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดโอไมครอนได้อีกต่อไป
ในช่วงกลางเดือนมกราคม รัฐบาลสั่งให้สังหารหนูแฮมสเตอร์และสัตว์ขนาดเล็กอื่น ๆ ไปแล้วกว่า 2,500 ชีวิต หลังจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายหนึ่งเชื่อมโยงกับร้านขายสัตว์เลี้ยง ซึ่งจุดชนวนความโกรธให้แก่ชาวเมือง
ไม่กี่วันต่อมา เกิดเป็นคลัสเตอร์ในถิ่นที่อยู่อาศัยทำให้รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจล็อกดาวน์อาคารหลายหลังซึ่งมีผู้อยู่อาศัยหลายพันคน จนในไม่ช้าขยะก็เริ่มกองเต็มตามทางเดิน และหลายคนก็ถูกตัดค่าจ้างเนื่องจากไม่สามารถไปทำงานได้ในช่วงล็อกดาวน์
และนี่คือสัญญาณแห่งความโกลาหลที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า รัฐบาลฮ่องกงไม่ได้เตรียมตัวเพื่อที่จะรองรับการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ขนาดนี้ แม้จะมีเวลาเตรียมตัวมากกว่าสองปีก็ตาม
จนถึงปัจจุบัน พลเมืองฮ่องกงได้รับการฉีดวัคซีนครบสมบูรณ์น้อยกว่า 70% รวมไปถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำในกลุ่มผู้สูงอายุ แม้จะมีวัคซีนโควิด-19 ให้ฉีดได้มาแล้วกว่า 1 ปีก็ตาม (เริ่มตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2021)
ด้วยตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ทางการได้บังคับใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 อีกครั้ง อาทิ ปิดโรงเรียนทั้งหมด บาร์ โรงยิม ร้านเสริมสวย และพื้นที่สาธารณะอีกมากมาย รวมถึงระงับการรับประทานอาหารภายในร้านหลัง 18.00 น. ปิดการประชุมสาธารณะ บังคับสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ และห้ามไม่ให้ครอบครัวรวมกันเป็นส่วนตัวมากกว่า 2 ครอบครัว
แต่มาตรการเหล่านี้ ล้มเหลวในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิดโอไมครอน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ฮ่องกงรายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 4,285 ราย ก่อนหน้านี้ ฮ่องกงไม่เคยรายงานผู้ป่วยใหม่มากกว่า 200 รายในหนึ่งวัน
กฎเกณฑ์ของรัฐบาลฮ่องกงหลายข้อถูกตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายให้ยอดโควิด-19 เป็นศูนย์ เช่น การรักษาตัวในโรงพยาบาลสำหรับผู้ที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกโดยไม่คำนึงถึงอาการป่วย การตรวจภาคบังคับสำหรับผู้ที่อาจสัมผัสเชื้อ และการกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิด
กฎและกระบวนการเหล่านี้อาจใช้ได้ผลเมื่อฮ่องกงจัดการกับผู้ป่วยเพียงไม่กี่สิบรายในแต่ละวัน แต่การระบาดครั้งล่าสุดได้ขยายตัวซึ่งนำไปสู่จุดแตกหักของระบบ
เมื่อค่ำวันจันทร์ 7 โรงพยาบาลของรัฐจาก 17 แห่งในฮ่องกงมียอดผู้ป่วยในเต็ม 100% หรือบางที่เกินกว่า 100% ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนห้องผู้ป่วยนอกมาใช้ร่วมด้วยชั่วคราว และในสุดสัปดาห์นี้อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะมีฝนตกและอุณหภูมิจะลดต่ำลง สิ่งนี้จะส่งผลให้คิวต่อแถวที่ยาวเหยียดยาวไปทั่วทั้งเมืองเพื่อตรวจโควิด-19 อาจต้องรอนานหลายชั่วโมงและคนอาจจะป่วยได้
ภายใต้แรงกดดันจากปักกิ่ง รัฐบาลฮ่องจึงทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่มากกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดโควิดโอไมครอน
แคร์รี แลม (Carrie Lam) ผู้นำของฮ่องกง กล่าวว่า "ในขณะนี้ เรายังคงรู้สึกว่านโยบายปลอดโควิด-19 เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับฮ่องกง"
ความอดทนของจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะฮ่องกงดูไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เอง จึงเป็นที่มาแก่การแทรกแซงในคำสั่งของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
เจ้าหน้าที่จีน ระบุว่า จะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและเวชภัณฑ์ไปยังฮ่องกง และช่วยสร้างสถานที่กักกันใหม่ โดยจะอิงโมเดลอู่ฮั่นที่ใช้โรงพยาบาลชั่วคราวซึ่งสามารถสร้างและเปิดดำเนินการได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
แคร์รี แลม ยินดีต่อการสนับสนุนของรัฐบาลจีนและยอมรับว่าฮ่องกงได้ดิ้นรนสุดกำลังเพื่อรับมือกับโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นแบบทวีคูณแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจควบคุมได้ โดยกล่าวว่า "ปัญหาที่เรากำลังเผชิญคือ จากขนาด ความเร็ว และความรุนแรงของระลอกที่ 5 นี้ มันเกินความสามารถของเราแล้ว"
พร้อมเสริมด้วยว่า "ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลกลาง (จีน) ความพยายามร่วมกันของรัฐบาล และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากประชาชน เราต้องต่อสู้กับการระบาดระลอกใหม่นี้ การยอมจำนนต่อโควิด-19 ไม่ใช่ทางเลือก"