สรุปให้ ดราม่าหนัก แม่ค้าไลฟ์หน้าร้าน รับหิ้วเสื้อผ้าประตูน้ำราคาส่ง ฆ่าตลาดเสื้อผ้าทางอ้อม ร้อนถึงแม่ค้าสต็อกสินค้าอยู่ไม่ได้ เจ้าของร้านถึงกับต้องขึ้นป้ายเตือน ฝ่าฝืนจะปรับ 10,000 บาท ลงทุนซื้อเป็นสต็อกเพื่อขายลูกค้า กลับเจอคนยืนไลฟ์โดยไม่ได้ลงทุน
กลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สำหรับกรณีดราม่างดไลฟ์ในร้านค้าย่านประตูน้ำ ที่ ณ ตอนนี้หลายร้านถึงกับขึ้นป้ายเตือนว่างดไลฟ์ หากเจอพฤติกรรมดังกล่าวจะมีการปรับสูงสุด 10,000 บาท
โดยปกติแล้วรูปแบบการขายของออนไลน์ในโซเชียลมีเดียที่ผ่านมานั้น มักเป็นการลงทุนซื้อของมาเพื่อสต็อกไว้เป็นจำนวนเยอะๆ และหยิบมาเสนอขายรายชิ้นให้กับลูกค้าที่เข้ามาเป็นผู้ชม โดยมีทั้งแม่ค้าที่ลงทุนซื้อสินค้าสต็อกมาทำเอง หรือแม้กระทั่งพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นเจ้าของร้านในประตูน้ำก็หันมาใช้วิธีนี้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นยังเป็นเรทราคาที่ขายได้มั้งแม่ค้าออนไลน์ที่สต็อกสินค้า และผู้เช่าที่
จนกระทั่งล่าสุดได้มีอาชีพใหม่ผุดเข้ามา (ไม่ได้นับว่าเป็นการกระทำที่ใหม่มากเท่าไรนัก) เนื่องจาก “การรับหิ้ว” โดยพ่อค้าแม่ค้าคนกลางนั้น เป็นกิจวัตรที่เคยเห็นได้ตามงานประมูลรองเท้า หรือการขายสินค้าในพื้นที่คนหนาแน่น โดยที่เราไม่ต้องเดินทางเข้าไปเอง และบวกค้าหิ้วจากสินค้านั้นที่นับว่าเป็นค่าเหนื่อยค่าเดินทางของแม่ค้าแต่ละคน ซึ่งล่าสุดมีการรับหิ้วเกิดขึ้นที่วงการตลาดเสื้อผ้า และแม่ค้าออนไลน์ที่สต็อกสินค้านั้น รู้สึกถึงความพังในการค้าขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการตัดราคาโดยค่าหิ้วที่ชิ้นละ 10-20 บาท
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
#สรุปให้ แบนทปอ ข้อมูลส่วนตัวเด็กจาก mytcas.com หลุดจากระบบ 23,000 รายชื่อ
#สรุปให้ ดราม่าโซเชียลรุมสวด พีเค ปิยะวัฒน์ เล่าข่าวตรรกะป่วย?
สรุปให้กระแสตีกลับ น้าเน็ก ขอโทษ ทิดไพรวัลย์ อย่างไรให้ทัวร์ลง?
สรุปให้ "ทิดไพรวัลย์" ยุติหน้าที่พิธีกรกลางรายการสด สยบดราม่า
สรุปให้ "น้ำมันดิบรั่ว" กลางทะเลระยอง 400,000 ลิตร ห่วงกระแสลมพัดเข้าฝั่ง
หากยกตัวอย่างให้เห็นภาพ แม่ค้าออนไลน์ใช้เงินทุนส่วนตัวซื้อเสื้อผ้าจำนวนมากในราคาขายส่ง และเมื่อนำสินค้ามาขายเองนั้นมีการบวกขึ้นเพื่อกำไรส่วนตัวโดยที่ราคายังเป็นการสมน้ำสมเนื้อโดยที่เม็ดเงินยังไม่มีการโดนตัดหน้า แต่เมื่อมีแม่ค้าพ่อค้าที่รับหิ้วเข้ามาไลฟ์หน้าร้าน ที่ลูกค้ารวมกันซื้อ 3-4 คน ก็จะได้ราคาสินค้าขายส่งเท่ากัน โดยที่แม่ค้ารับหิ้วนั้นมีการบวกค่าหิ้วเพียง 10-20 บาทตัดหน้า ซึ่งกลไกตรงนี้เป็นการซื้อขายที่คนดังกล่าวไม่ได้มีการลงทุนสูงเท่าแม่ค้าสต็อก
เริ่มจากกระแสออนไลน์ในแพลตฟอร์ม TikTok เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานบัญชี TikTok@tyr9229 แม่ค้าเสื้อผ้าออนไลน์ ได้ออกมาอัปคลิปสะท้อนปัญหาการรับหิ้วเสื้อผ้าราคาส่ง โดยเธอทำเช่นนี้มา 4 ปี โดยที่แต่ก่อนขายดีมาก และรับเสื้อผ้าจากประตูน้ำมาเป็นหลัก แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ช่วงที่โควิด-19 ระบาดนั้น ตลาดเสื้อผ้าพังมากขึ้น เนื่องจากมีบางคนมายืนไลฟ์หน้าร้านให้ลูกค้าซื้อรวมกัน 3-4 คนเพื่อได้ราคาส่ง ไม่ต่างกับที่เธอทำ ถ้าจะต่างกันก็เพราะเธอต้องออกทุนไปก่อนเพื่อสต็อกสินค้าไว้ ต่างกับคนไลฟ์ที่ไม่ใช่เจ้าของร้านที่ไม่ต้องลงทุนอะไร ซ้ำยังเตือนผู้ที่หันใจมาลงทุนตลาดเสื้อผ้าช่วงนี้ให้หยุด เพราะมันไม่ได้ มันพังจริงๆ
ซึ่งคลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลที่มีผู้ชมกว่า 1.4 ล้านครั้ง ในคอมเมนต์บางรายก็เข้าใจถึงตลาดที่เปลี่ยนไป แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ผิด เพราะเป็นอีกหนึ่งทางที่ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น โดยที่ได้รับสินค้าในราคาที่ถูกลง
เจ้าของบัญชี TikTok ก็ได้ตอบกลับไปยังคอมเมนต์ที่แนะนำว่า ให้ปรับตัวไม่ใช่ออกมาว่าคนที่เอาตัวรอดของเขา ว่า เหตุผลที่ออกมาพูดเป็นเพราะทุกคนก็ดิ้นรนจะปรับตัว ร้านค้าบางร้านก็หันมาขายออนไลน์เช่นกัน แต่มันไปต่อไม่ได้เพราะมีคนที่รับหิ้วคิดเงินเพิ่มแค่ 5-10 บาท เข้ามาทำให้ตลาดมันพัง ซึ่งการรับหิ้วมันมีมานานเพียงแต่เป็นการหิ้วแบบแม่ค้า-แม่ค้าในราคาส่ง ไม่ได้เป็นการแม่-ลูกค้าในรูปแบบที่รวมกันมาขายราคาส่งแบบนี้ ซึ่งหลายคนทีสต็อกสินค้าหรือเปิดหน้าร้านก็เจ๊งไปแล้ว และหลายคนก็กำลังจะเจ๊ง ที่ในอนาคตจะเป็นการกระทบต่อลูกค้า
กล่าวคือในอนาคตลูกค้าจะซื้อได้แค่ในออนไลน์เท่านั้น แม่ค้าต่างจังหวัดก็จะขาดรายได้ตรงที่ไม่มีคนออกมาซื้อของเพราะสามารถรอของได้ด้วยตนเอง จะไม่มีใครลงทุนเดินทางมาประตูน้ำหรือแหล่งเสื้อผ้ารายใหญ่เพื่อสต็อกเสื้อผ้าไปขายตามตลาดต่างจังหวัด แต่จะเปลี่ยนไปสั่งออนไลน์และใช้เวลาอยู่เท่านั้น ซึ่งทั้งหมดที่แม่ค้าออนไลน์ท่านนี้ต้องการจะสื่อเป็นเพราะมองเห็นแล้วว่ามันพังอย่างไร ไม่ใช่ว่าขายไม่ได้ แต่มันลดออเดอร์ลง เพราะจากเดิมที่หลายเจ้าเคยมีออเดอร์วันละ 30-40 ชิ้น กลับกลายเป็นเหลือเพียงวันละ 10 ชิ้น
จากกระแสดังกล่าวมีพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นเจ้าของกิจการเปิดหน้าร้านในตลาดประตูน้ำและแพลตตินั่ม หันมาช่วยเหลือผู้ค้าขายด้วยกัน โดยการออกประกาศและแปะป้ายไม่อนุญาตให้ไลฟ์หน้าร้าน เพราะมองว่าควรเห็นใจแม่ค้าที่ออกทุนสต็อกด้วย การที่แม่ค้ารับหิ้วทำแบบนั้นเพื่อเอาตัวรอด ปัญหาจะตกที่แม่ค้าและร้านค้าในระยะยาว และหลายร้านอยู่ได้เพราะการสต็อกสินค้า ไม่ใช่คนที่รับหิ้วแต่อย่างใด อีกทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นเหมือนการไล่ลูกค้าที่เดินทางมาซื้อของตัวตนเอง เพราะต้องเจอชาวไลฟ์ที่คอยเสียงดังหน้าร้าน อีกทั้งร้านค้าส่วนใหญ่เมื่อออกประกาศพร้อมติดป้ายแจ้งห้ามไลฟ์ขายเสื้อผ้า ฝ่าฝืนปรับ 10,000 บาท และได้ปรับผู้ที่ฝ่าฝืนไปแล้วบางส่วน
ล่าสุด (2 ก.พ.65) “บุ้ง สะธี ใบหยก” ทายาทตึกใบหยก และผู้ดูแลพื้นที่ให้เช่าของตึกใบหยกย่านประตูน้ำ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเคลียร์ชัดถึงกระแสดราม่าก่อนหน้าว่าสามารถไลฟ์สดในร้านค้าประตูน้ำได้หรือไม่
โดย บุ้ง สะธี ใบหยก ชี้แจงผ่านอินสตาแกรม ซึ่งมีใจความว่า “จากกระแสข่าวการห้ามไลฟ์สด ในร้านค้าประตูน้ำ ทางด้านตลาดเสื้อผ้าใบหยกประตูน้ำ ตึกบีแกลเลอรี่ (ใบหยก 3) ศูนย์การค้าใบหยก 1 และศูนย์การค้าใบหยก 2 ทางนโยบายของบริษัท ไม่ได้มีการห้ามไลฟ์สดในตึกและในพื้นที่แต่อย่างใด
ทางบริษัทมีนโยบายในการสนับสนุนการขายของลูกค้าที่มาเช่าพื้นที่ หากสิ่งใดที่ทำได้ และทำให้ทางผู้เช่ามียอดขายเพิ่มขึ้น ทางบริษัทจะเปิดเสรีทางการขายให้แก่ผู้เช่าในพื้นที่
ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอย การที่จะไลฟ์ต้องได้รับอนุญาตจากทางร้านร้านนั้น (ร้านที่ห้ามไลฟ์จะมีประมาณ 10% ของจำนวนผู้เช่าของทางตลาดเสื้อผ้า) ทางตลาดเสื้อผ้าใบหยก ได้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 และที่จอดรถพร้อมสำหรับผู้ใช้บริการ ขอบพระคุณค่ะ” พร้อมทั้งให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า “เนื่องจาก ทางผู้เช่าพื้นที่มีหลากหลายวิธีในการขายสินค้า ทางบริษัทจึงสนับสนุนทุกวิธีการขายให้แก่ผู้เช่าทุกเจ้า เพื่อที่จะได้รับยอดขายสูงสุด ทางบริษัทจึงจัดพื้นที่ต้อนรับสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม การทำการไลฟ์สดจะต้องได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของร้านแต่ละร้านจ้า”