ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โชว์หลักฐาน ภาพวาดที่ประมูลใน NFT ไม่ใช่การลอกผลงาน

จากกรณีที่ภาพของวาดของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ถูกประมูลใน NFT ถูกกล่าวหาว่าเป็นการลอกผลงานของศิลปินคนอื่น ธนาธรได้ชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวดังต่อไปนี้  

ยืนยัน ผลงานศิลปะของตนที่ถูกประมูลใน NFT ไม่ใช่การลอกผลงาน

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า “ตนประหลาดใจอย่างมากที่จู่ๆ ก็เกิดการปั่นกระแสกันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย ว่าผลงาน When She Opens the Door และ Silence ของตน ซึ่งถูกประมูลในตลาด NFT เป็นการลอกเลียนแบบผลงานศิลปินต่างประเทศ มีการตำหนิติเตียนตนอย่างรุนแรงว่า เป็นผู้ไม่เคารพสิทธิของศิลปิน ขโมยความคิดสร้างสรรค์ของคนอื่นมาเป็นผลงานของตนเอง ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรงและไม่เป็นธรรมต่อตนอย่างมาก

“ตนเป็นนักวาดภาพมือสมัครเล่น วิธีการวาดภาพของตนก็เหมือนกับคนเรียนวาดเขียนส่วนใหญ่ในโลก นั่นคือการฝึกวาดจากงานศิลปะชั้นครู หรืองานที่ตัวเองชื่นชอบ ภาพทุกภาพที่วาด ไม่ได้คิดว่าจะเปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นงานอดิเรกส่วนตัว แต่เมื่อตนตัดสินใจนำภาพมาประมูล เพื่อนำรายได้ไปบริจาคให้กับองค์กรต่าง ๆ ก็ได้ระบุชัดว่าภาพแต่ละชิ้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานชิ้นใด ทำอย่างเปิดเผย โปร่งใส ตรงไปตรงมาที่สุด จนไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเกิดการปั่นกระแสว่าตนลอกผลงานคนอื่นได้อย่างไร”

ข่าวที่น่าสนใจ

• อนาคตทางการเมืองของธนาธร หลังเลือกตั้ง อบต. ผลงานแป้ก

• เบ๊น ธนชาติ นำคลิปไวรัล "เกิดเป็นลูกคนรวย" ลงประมูล NFT ยอดบิดกว่า 5 แสนแล้ว

• ก.ล.ต. ประกาศเตรียมเข้ามากำกับ NFT เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของสากล

อ้างอิงที่มาของแรงบันดาลใจชัดเจน

“ภาพ When She Opens the Door ตนระบุทั้งในโพสต์เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของ Damian Lechoszest อีกทั้งยังเขียนอีเมลไปเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องราวการต่อสู้ของเบนจา และแรงบันดาลใจของตนในการการวาดภาพนี้เพื่อนำเงินที่ได้จากการประมูลไปมอบให้กับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย

“ส่วนภาพ Silence ตนได้ระบุไว้ชัดเจนแล้วเช่นกันว่าได้รับแรงบันดาลใจจาก @colorbyfeliks ซึ่งเจ้าตัวระบุไว้ว่าใครนำภาพของเขาไปสร้างสรรค์ต่อก็แค่ให้เครดิตชื่อเขาไว้ก็เพียงพอ ถือว่าเป็นธรรมชาติของวงการ digital art ที่จะมีการทำซ้ำ เผยแพร่ ส่งต่อผลงาน โดยเจ้าของผลงานไม่ได้หวงห้าม เพียงแต่ต้องระบุว่าภาพนั้นต้นฉบับเป็นของใคร”

ข้อกล่าวหาลอกผลงานศิลปะ เป็นการปลุกปั่นกระแส และการใส่ร้ายสร้างความเกลียดชัง

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุทิ้งท้ายว่า “เป็นอีกครั้งที่ตนต้องออกมาชี้แจงในประเด็นข้อกล่าวหาที่เป็น “เรื่องไม่เป็นเรื่อง” อันเกิดจากกระบวนการทำลายชื่อเสียงของตนอย่างเป็นระบบผ่านปฏิบัติการ IO และสื่อบางสำนัก ตนขอประกาศไว้ตรงนี้ว่าสิ่งที่พวกคุณพยายามทำจะไม่สำเร็จ แม้ตนจะต้องเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ไปบ้าง แต่มันจะไม่ทำให้ตนท้อถอยหรือหยุดการทำงานการเมือง และตนเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณพอที่จะแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากข่าวลวง การปลุกปั่นกระแส และการใส่ร้ายสร้างความเกลียดชัง”

ที่มา FB : Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ