ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคธ.ค. 64 ดีขึ้น แต่ม.ค. 65 อาจดิ่งเหว เพราะของแพง
ปลายปี2564 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยทำท่าเหมือนจะฟื้นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคธ.ค. 64 ดีขึ้น แต่ ม.ค. 65 อาจดิ่งเหว เพราะของแพง เงินเฟ้อ รวมถึงการยกเลิกมาตรการท่องเที่ยวต่างๆ เซ่นโอไมครอน ไปติดตามเรื่องนี้ในบทความ
หลอกให้ดีใจ เศรษฐกิจไทยช่วงปลายปี2564 เหมือนจะฟื้น
ช่วงปลายปี2564 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทย สถานการณ์โควิด-19 ในไทยทำท่าเหมือนจะดีขึ้น เพราะหลายอย่างเริ่มดีขึ้นตามลำดับ การท่องเที่ยวก็ปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศ คลายล็อกหลายกิจกรรมให้ทำได้ วัคซีนโควิด-19 ก็กระจายตัวได้มากขึ้น มาตรการเยียวยารัฐก็ทั่วถึงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคธ.ค. 2564 ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะมีสัญญาณของแพงของมารวบกวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องของแพง ไปดูเรื่องดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคธ.ค. 2564 ที่ผ่านมาก่อนโดย ‘ธนวรรธน์ พลวิชัย’ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือน ธ.ค. 2564 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 46.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 44.9 ในเดือน พ.ย. 2564 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 เป็นต้นมา
-ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคธ.ค. 64 ดีขึ้นจากปัจจัยบวก ดังนี้
* ผู้บริโภคเริ่มคลายความวิตกกังวล
* การฉีดวัคซีนในประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้น
* มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 7 มาตรการ
*กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%
*สถานการณ์โควิด-19 ระดับโลกปรับตัวดีขึ้น
*ส่งออกปรับตัวดีขึ้น
*พืชผลทางการเกษตรหลายตัวปรับตัวดีขึ้น
ส่วนเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค. 65 อาจดิ่งเหว เพราะของแพง เพราะ …เหตุผลเหล่านี้
*ยกเลิกมาตรการเปิดประเทศระบบ Test&Go
*จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดช่วงไตรมาสแรก อาจเพิ่ม
* สินค้า ค่าครองชีพ ที่สูงขึ้น
* กำลังซื้อผู้บริโภคภาคค้าปลีกลดลง
*การท่องเที่ยวที่ชะงัก การจ้างงานที่ยังไม่หวือหวา
แม้ว่าตอนนี้ของแพง ค่าครองชีพสูง แต่ ม.หอการค้าไทย ยังคงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2565 อยู่ที่ 4% ภายใต้สถานการณ์ที่คาดว่าการระบาดของโอมิครอนจะคลี่คลายลงได้ในเดือนมกราคม 2565 นี้ และที่สำคัญต้องไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ จะส่งผลให้เศรษฐกิจจากนี้ดีขึ้น และฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ในช่วงไตรมาส 2
สำหรับปัญหาของแพงในตอนนนี้นั้นแม้ว่ารัฐจะพยายามอย่างเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา แต่… ล่าสุดสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เผย ตัวเลขผลสำรวจ ความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index) ว่า โอไมครอน ได้กระทบหนักอุตสาหกรรมค้าปลีกเพราะฉุดความเชื่อมั่น กำลังซื้อผู้บริโภคลด ดังนั้นผู้ประกอบการเลยต่างเร่งปรับแผนรองรับ เสริมทัพออนไลน์ ลดต้นทุน ลดจ้างงาน เพื่อพยุงธุรกิจของตัวเองเดินไปต่อให้ได้ อย่างไรก็ตามในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก RSI ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะปรับลดลง 4 จุดจากระดับ 69.7 สะท้อนถึงความความกังวลต่อการแพร่ระบาดโอมิครอนที่กระจายไปกว่า 30 จังหวัด ก็ต้องจับตากันต่อไปว่าโอไมครอนจะอยู่กับไทยนานแค่ไหน ?
