องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก พร้อมระบุว่า สายพันธุ์ "โอไมครอน" มีหลักฐานหลายอย่าง ชี้สายพันธุ์นี้ ไม่รุนแรงอย่างที่คิด
องค์การอนามัยโลก หรือ (WHO) แถลงข่าวสถานการณ์ภาพรวมโควิด-19 ทั่วโลก โดยระบุถึงโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ซึ่งขณะนี้กำลังระบาดไปทั่วโลกว่า
“มีหลักฐานมากขึ้นว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ไม่รุนแรงอย่างที่คิด โดยมีผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนมากกว่าลงปอด ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นแต่อัตราการเสียชีวิตต่ำ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• องค์การอนามัยโลก (WHO) เชื่อการระบาดโควิด-19 ปิดฉากในปี 2022
• WHO เตือน โควิดโอไมครอน (โอมิครอน ) จะส่งให้ระบบสาธารณสุขเข้าขั้นวิกฤต
• WHO เตือน โควิดโอมิครอน แพร่เชื้อเร็วกว่าเดลต้า อังกฤษติดเชื้อพุ่งเกือบแสน
“เราพบการศึกษามากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า "โอไมครอน" แพร่กระจายเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากโควิด-19 สายพันธุ์อื่น ๆ ที่มักแพร่กระจายที่ปอด ซึ่งจะก่อให้เกิดความผิดปกติที่ปอด”
อย่างไรก็ตาม WHO ระบุว่า มีข้อมูลว่า แม้จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่โดยมี "โอไมครอน" เป็นปัจจัยสำคัญ แต่อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตมักกลับต่ำกว่าการระบาดระลอกอื่น ๆ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 "โอไมครอน" ทั่วโลกราว 456,000 ราย เสียชีวิตแล้ว 108 ราย หรือโอกาสเสียชีวิตอยู่ที่ราว 1 ใน 4,200 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อย ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า หากโอไมครอนมาแทนที่เดลตาได้ มันก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนไข้หวัดใหญ่ในอนาคต ที่อาจติดง่ายแต่ไม่รุนแรง
เจ้าหน้าที่ WHO เผยอีกว่า วิธีที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ และสายพันธุ์ "โอไมครอน" คือ ต้องบรรลุเป้าหมายของ WHO ในการฉีดวัคซีนให้ประชากรทั่วโลกเกิน 70% ภายในเดือนกรกฎาคมปีนี้