"ฟิล์ม รัฐภูมิ" เปิดใจ หลังตรวจพบโรคลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้าย มีโอกาสเสียชีวิตสูง ยอมรับกลัวตายตลอด แต่ต้องอยู่กับมันให้ได้ ถึงขั้นวางแผนชีวิตไว้แล้ว
ทำเอาแฟนๆ ที่ทราบข่าวตกใจและเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย เมื่อนักร้องนักแสดงชื่อดัง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ที่ดูเป็นหนุ่มแข็งแรง สตรอง แต่ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจกับทาง "ไนน์เอ็นเตอร์เทน" ถึงมรสุมชีวิตที่กำลังเผชิญในตอนนี้
โดยหนุ่มฟิล์ม ได้ตรวจพบเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วระยะสุดท้าย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระยะที่ 4 เป็นขั้นที่ร้ายแรงสุด มีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตค่อนข้างสูง พร้อมกับยอมรับกลัวตายทุกวินาที แต่ต้องปลงต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้
"เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ผมทราบข่าวเดือนกุมภาพันธ์และดูแลตัวเองมาตลอด เป็นขั้นร้ายแรงสุดเลย คือขั้น 4 ต้องผ่าตัด แต่เนื่องด้วยร่างกายเราแข็งแรงมาก คุณหมอจะนัดผ่าตัดได้ประมาณ เม.ย.ปีหน้า แต่ถ้า เม.ย.ปีหน้าร่างกายยังแข็งแรงก็เลื่อนไปได้"
"ตอนรู้ข่าว ผมก็ช็อกและไม่บอกใคร หลังๆบอกคุณแม่ คุณแม่ร้องไห้ทุกวัน ถ้าลูกไม่อยู่ แม่จะอยู่ยังไง แต่ผมก็บอกแม่ว่ายังไม่ตายๆ ผมสงสารแม่"
"จากผลวินิจฉัยไม่มีสาเหตุ อาจเกิดเกี่ยวกับร่างกายผิดปกติ หรือกรรมพันธุ์หรือเปล่า แต่วงศ์ตระกูลก็ไม่มีใครเป็น จู่ๆ ผมก็เป็นรั่วหนักเลย โรคลิ้นหัวใจรั่วมี 4 ระดับ เราระดับสุดท้าย น่ากลัวมาก"
"ความอันตรายก็อันตรายอยู่แล้ว หมอบอกต้องระมัดระวัง เล่นกีฬาปานกลาง ห้ามกินเค็ม ไม่เครียด ไม่นอนดึก เดี๋ยวจะเกี่ยวกับเรื่องสูบฉีดเลือดไม่ทัน"
"ผมกลัวตายทุกวินาที แต่ก็ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท จะมีนาฬิกาเช็กหัวใจตลอด ต้องกินอาหารดูว่าเค็มหรือไม่เค็ม เลี่ยงทุกอย่างที่มีโซเดียม ระดับ 4 มีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูง"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฟิล์ม รัฐภูมิ ลงพื้นที่แจกข้าวสาร อาหารแห้ง ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมสุโขทัย
ฟิล์ม รัฐภูมิ ฝากถึง ส.ส. ที่จ่อโหวตไว้วางใจให้รัฐบาลที่บริหารงานผิดพลาด
ฟิล์ม รัฐภูมิ แนะไอเดียการฉีดวัคซีนให้รัฐบาล ย้ำควรพูดความจริงกับประชาชน
"ยอมรับว่ากลัวตายตลอดเวลา แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่รู้ตอนแรกคือนอนไม่หลับ อาการคิดไปเองมาเลยว่าใกล้ตายแล้ว พอผ่านไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มอยู่กับมันได้ เริ่มนั่งสมาธิ กำหนดจิตว่าเราตายแล้ว ให้ปลงกับชีวิต ความรู้สึกก็ดีขึ้นและอยู่กับมันได้"
"นอกจากคิดว่าจะตาย ก็บอกพ่อกับแม่ตลอดว่าเตรียมอะไรไว้ให้แล้วนะ เขาก็ใจเสีย แต่ว่ามันเป็นเรื่องปกติ ดีกว่าอยู่ๆ ผมก็ช็อกไป แต่คงเป็นไปได้ยากที่จะช็อกแล้วไปเลย เพราะอยู่กับแพทย์ตลอด"
"ผมไปเอคโคทุกเดือน เราตรวจร่างกายทุกเดือน ดูคลื่นหัวใจ มีนาฬิกาจับหัวใจ จริงๆ ต้องผ่าเพราะมันเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนที่รู้ตอน ก.พ. มันผ่าเลยไม่ได้ เพราะร่างกายยังไหวอยู่ เขาจะมีเกณฑ์ของเขา รอเช็กตอน เม.ย. ถ้าแข็งแรงก็เลื่อนออกไปอีก"