ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ปรับปรุงเกณฑ์การออกใบรับรองการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการมอบหมายผู้ที่มีอำนาจ ออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และการเรียกเก็บหรือยกเว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ.2564 วานนี้ (31 ต.ค.) ว่า
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการมอบหมายผู้ที่มีอำนาจ ออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และการเรียกเก็บหรือยกเว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อประโยชน์ในการป้องกันโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด- 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคลายล็อก-ลดเคอร์ฟิว ผ่อนคลายมาตรการโควิด
• เช็กเลยรายชื่อ 46 ประเทศเดินทางเข้าไทยไม่กักตัว มีผล 1 พ.ย. นี้
• เช็กให้พร้อมก่อนเดินทาง ระบบขนส่ง ปรับเวลาสอดคล้องขานรับเปิดประเทศ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ.2564”
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ.2564 ลงวันที่ 29 มี.ค.2564
ข้อ 4 ในประกาศนี้ หนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค หมายความว่า หนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) แก่บุคคลที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อใช้สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนดหรือไม่ก็ตาม โดยวัคซีนดังกล่าวต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด