ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 14 ธ.ค. นี้

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส กล่าวถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง นัดไต่สวนบีทีเอส ฟ้องการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และคณะกรรมการคัดเลือกมาตรา 36 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ว่า

วันนี้ศาลอาญาฯ ได้พิจารณา และดูเอกสารแล้ว ไม่มีข้อขัดข้องเรื่องเอกสารจากทั้งสองฝ่าย จึงนัดไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งกำหนดไว้ทั้งหมด 3 วันได้แก่วันที่ 14 ,20 ,24 ธ.ค. 2564 หากไม่เพียงพอ ศาลอาญาฯ ก็จะขยายวันไปอีก แต่เชื่อว่า 3 วันน่าจะเพียงพอ โดยจะไต่สวนพยานโจทย์สองท่าน โดยหนึ่งในนั้น คือตัวผมเอง (สุรพงษ์ เลาหะอัญญา)

โดยคดีนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 โดยสาเหตุที่บีทีเอสดำเนินการฟ้องร้องในเรื่องนี้ เพราะต้องการให้เกิดความยุติธรรม โปร่งใส แต่ไม่ใช่บีทีเอสฟ้องแล้วจะเป็นผู้ชนะ แต่เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• รถไฟฟ้าลอดใต้เจ้าพระยา เจาะอุโมงค์เหมือนกัน แต่ทำไมประมูลต่างกัน ?
• รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1 สาย ทำไมใช้เกณฑ์ประมูลต่างกัน มีเงื่อนงำอะไรหรือไม่ ?
• จับตา รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก จะได้ลอดเจ้าพระยาก่อนสายสีม่วงใต้ หรือไม่ ?

วันนี้ศาลอาญาฯ รับคำฟ้องเพื่อไต่สวนพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่ หลังจากนี้ศาลอาญาฯ จะไต่สวนพยาน และดูเอกสารประกอบ ที่ทั้งสองฝ่ายยื่น หากมีมูลต้องไปดำเนินการต่อ แต่จากประสบการณ์ในการขึ้นศาล คาดว่าน่าจะไม่ยืดเยื้อ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ขอให้ศาลอาญาฯ ออกหมายเรียกเอกสารไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และเชื่อว่าเมื่อได้รับเอกสารมาก็จะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ข้อมูลยังมาไม่หมด เชื่อว่าน่าจะทันก่อนการไต่สวนทั้ง 3 วัน

ข้อมูลล่าสุดที่ได้ทำการขอไป มาจากการเข้าไปร่วมคณะกรรมาธิการกิจการศาล , องค์กรอิสระ , องค์กรอัยการ , รัฐวิสาหกิจ , องค์การมหาชน และกองทุน ได้เชิญบีทีเอสเข้าไปชี้แจง และรวมถึงองค์กรอิสระด้วย อาทิ สำนักงบประมาณ , คณะกรรมการกฤษฎีกา , สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ไม่มีในส่วนของกระทรวงคมนาคม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ จึงขอให้ศาลฯ ออกหมายเรียกเอกสารจากคณะกรรมธิการฯ ชุดดังกล่าวด้วย

ศาลอาญาฯ ได้ให้ดูเอกสารว่าได้รับการตอบรับจากคณะกรรมาธิการฯ และยินดีจัดส่งเอกสารให้ แต่เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากจึงต้องใช้เวลา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเอกสารหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal Document : RFP) ในครั้งนี้

ส่วนกรณีคณะกรรมการมาตรา 36 บางท่านที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้เกณฑ์ RFP แบบใหม่นั้น คณะกรรมการบางท่านน่าจะมีความเป็นกังวล และรอความชัดเจนจากศาลอาญาฯ เสียก่อน ว่ามีผลต่อการประมูลหรือไม่

อย่างไรก็ตามหาก รฟม. ยืนยันที่จะใช้เกณฑ์ประมูลใหม่ ด้วยการพิจารณาคะแนนเทคนิคร่วมราคา 30 : 70

ทางบีทีเอส ก็ยังยืนยันที่จะเข้าร่วม แต่ต้องดูเงื่อนไข RFP เสียก่อน ว่าพอที่จะสู้ได้หรือไม่ และมีความยุติธรรมมากแค่ไหน

ส่วนเรื่องที่จำเลยได้มีการร้องขอต่อศาลฯ ว่าไม่ให้บีทีเอสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนั้น เพราะเกรงว่าจะมีข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องและอาจมีผลต่อรูปคดี ทางบีทีเอสได้โต้แย้งว่าข้อมูลต่างๆ คือข้อเท็จจริงจึงไม่น่ามีผลกระทบต่อคดี และศาลอาญาฯ เห็นด้วย และเห็นว่าการให้สัมภาษณ์ไม่มีผลต่อคดี จึงไม่ได้ออกข้อกำหนดห้าม แต่ศาลฯ ได้กำชับทั้งสองฝ่าย ให้ระวังการให้ข่าวอย่าให้กระทบคดี และเพื่อความสงบเรียบร้อยของศาล