“อนุทิน” ขานรับนโยบายนายกฯ เปิดประเทศ พร้อมขู่ถ้าฝ่าฝืนมาตรการก็ปิดได้

 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแถลงเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่ง และได้มีการหารือภายในกระทรวง เพื่อตอบสนองนโยบายของนายกฯ ในเรื่องที่แจ้งต่อประชาชนเมื่อคืนนี้ ส่วนรายชื่อ 10 ประเทศที่จะเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว ต้องรอที่ประชุม ศปก.ศบค. หารือก่อน และนำเข้าที่ประชุมใหญ่ศบค.ในวันที่ 14 ต.ค. 64 ดังนั้นรายละเอียดตนยังไม่ทราบ ทั้งนี้ นายกฯ ให้เหตุผล ความสำคัญต่างๆ ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวัง และมีการเตรียมการให้มากที่สุด 

 ส่วนที่นายกฯ พูดถึงโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังเปิดประเทศนั้น เป็นการคาดการณ์ในอนาคต หรือสถานการณ์ไม่ดีค่อยว่ากัน พูดง่ายๆ ว่าเปิดได้ แต่ถ้าดูแล้วไม่ดีก็จะต้องมีมาตรการในการแก้ปัญหาต่อไป ซึ่งจะต้องมีการยืดหยุ่น ถ้าไปกำหนดว่าจะต้องทำแบบนี้เท่านั้น ก็จะต้องรอไป อย่างนี้ก็มันก็ไม่ดี รัฐบาลต้องพยายามแก้ปัญหาในทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• #สรุปให้ นายกฯ เผย พิจารณาเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน เปิดสถานบันเทิง 1 ธันวาคม

• นายกฯ แถลง ยืนยันไทยเปิดประเทศ 1 พ.ย. 64 : Breaking News

• ด่วน! "นายกฯ" แถลงเรื่องสำคัญออกทีวีพูลคืนนี้ 20.30 น.

 นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการเปิดสถานบันเทิงในวันที่ 1 ธ.ค. 64 ว่า กรมควบคุมโรคจะต้องหามาตรการ โดยต้องดูว่าเปิดแล้วมีความเสี่ยงหรือไม่ ถ้ามีความเสี่ยงก็จะต้องหามาตรการเพื่อปฏิบัติ เช่น การยกระดับมาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร หรือ COVID Free Setting ได้หรือไม่ ซึ่งหมายถึงทุกคนต้องฉีดวัคซีนทั้งผู้ให้บริการและลูกค้า รวมถึงสถานที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค แต่ ยังไม่ได้มีการหารือรายละเอียดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน

 เมื่อถามว่า กระทรวงสาธารณสุขประเมินหรือไม่ว่าหากเปิดประเทศจะมีแนวโน้มกลับมาปิดอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะปิดหรือเปิด ซึ่งเราก็ใช้มาตรการทุกอย่างอย่างเข้มข้นในแต่ละพื้นที่ ของพวกนี้ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย และเคารพกฎหมาย เพราะหากเปิดแล้วจะมีการเขียนกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องปฏิบัติอย่างนี้ หากไม่ทำตาม เราก็มีสิทธิ์ที่จะปิด ซึ่งการติดเชื้อโควิดในสถานบันเทิงเป็นพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวังมาก เพราะมีการสัมผัสใกล้ชิด จับต้องสิ่งของมากมาย ดังนั้นกรมควบคุมโรคจะหามาตรการให้เกิดความปลอดภัยมาประกาศใช้