ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซัด บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม ต้นตอน้ำท่วมซ้ำซาก ยกเลิกแผนจัดการน้ำทั้งระบบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เผยพบจัดซื้อเครื่องสูบน้ำ แบบพิสดาร ส่อทุจริตทั้งระบบ
วันนี้ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมประเทศไทยไม่ได้รับการจัดการดูแลอย่างเป็นระบบ เพราะ พล.เอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐประหารและยกเลิกแผนจัดการน้ำทั้งระบบอย่างบูรณาการ 3.5 แสนล้านบาท ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่ 46/2560 จัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) อ้างเพื่อบูรณาการระบบน้ำทั้งหมด และออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 166/2562 มอบหมายและมอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ปล่อยให้มีการจัดซื้อ มีล็อกสเปก ฮั้วประมูล ไม่โปร่งใส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กอร์ปศักดิ์ ชำแหละนโยบายเศรษฐกิจบิ๊กตู่ ตอบโจทย์ประเทศเวลานี้หรือไม่ ?
นายกฯ ลงนาม "ยกเลิกคำสั่ง" คืนงาน ก.เกษตรฯให้ ปชป. หวั่นถอนตัวรัฐบาลล่ม
โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติงบกลาง 3.2 พันล้าน เพื่อบริหารจัดการน้ำ - แก้ภัยแล้ง น้ำท่วม และเตรียมเครื่องจักรเครื่องสูบน้ำในฤดูฝน โดยกระจายไปตามกรมกองต่างๆ ซึ่งหากกระทรวงกรมกองใดมีแผนเรื่องน้ำ จะต้องผ่าน สทนช. ภายใต้ พล.อ.ประวิตร และงบกลางก็อนุมัติโดย พล.อ.ประยุทธ์
กรณีรายการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำ พบการจัดแบ่งซอยซื้อ ไม่ประกวดราคา e-bidding แต่ใช้วิธีคัดเลือกร้านค้า-บริษัทโดยตรง ยกตัวอย่าง อำนาจ ผอ.ศูนย์ฯ ซื้อได้ไม่เกิน 25 ล้าน จึงเกิดเรื่องพิสดาร แบ่งซื้อจัดจ้าง แต่ละศูนย์ฯ จัดซื้อเครื่องสูบน้ำสเปกเดียวกัน ราคาเท่ากัน เช่น ปั้มขนาด 42 นิ้ว ราคาชุดละ 21.8 ล้านเท่ากันทั้งหมด
มูลค่า 284.5 ล้าน และที่มาของราคากลาง สืบเทียบจาก 3 บริษัทคือ บ.ทีเอ็กซ์ ไดนามิกส์ บ.อาคีร่า เอสเค และ บ.เอส วี เอ็ม อินเตอร์ เซอร์วิสส์ แต่สุดท้ายแล้ว บ.อาคีร่า เอสเค ขายได้เพียงบริษัทเดียว ซึ่งเป็นพฤติกรรมส่อล็อกสเปก ฮั้วประมูลหรือไม่
“มีข้อสงสัยว่า เมื่อซื้อของชนิดเดียวกัน ทำไมไม่รวมกันแล้วใช้วิธี e-bidding เพื่อให้การแข่งขันทางราคาโปร่งใส แล้วขอที่ซื้อมาอยู่ที่ไหน มีประโยชน์ใช้การได้หรือไม่
"ขณะที่ชาวบ้านเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ต้องเผชิญปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม ลำบากยากแค้น รัฐบาลทำเพียงการแจกถุงยังชีพ ผมจะแฉทุกสัปดาห์ ว่างบกลางปี 64 รัฐบาลเอาไปใช้อะไรบ้าง นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง มูลค่าจริงอาจสูงเป็นหมื่นล้าน” นายยุทธพงศ์ กล่าว