เดือดอีกแล้ว! หลังโซเชียลเกิดกระแส นักเรียนไม่ฉีดไฟเซอร์ เพราะมีข้อมูลจากแอปฯดัง บอกว่าฉีดแล้วไม่ดีมีสิทธิ์ตายได้ ทำชาวเน็ตจวกหนัก คนได้ไม่อยากฉีด คนอยากฉีดได้แต่เรียกร้อง พร้อมติดแฮชแท็ก #ไฟเซอร์นักเรียน
เกิดกระแสดราม่าอีกครั้งจนได้ สำหรับกรณี วัคซีนไฟเซอร์ แต่คราวนี้เกิดขึ้นกับความไม่อยากฉีดของเด็กกลุ่มอายุ 12-18 ปี หรือนักเรียนที่ได้โควต้าฉีดฟรีตามนโยบาย
หลังจากเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการระดมให้เด็กนักเรียนอายุ 12 - 18 ปีเริ่มมีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันก่อนจะเปิดเรียนตามปกติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดได้มีกรณีดราม่าเกิดขึ้น เมื่อนักเรียนบางส่วนตัดสินใจปฏิเสธที่จะฉีด "วัคซีนไฟเซอร์" โดยมีการอ้างว่าผู้ปกครองไม่อนุญาต บ้างก็ว่าก่อนเข้าฉีดวัคซีนมีกฎเกณฑ์และข้อบังคับเยอะเกินไป อาทิ มีบางข้อระบุว่านักเรียนที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน นักเรียนชายต้องตัดผมให้เรียบร้อย , นักเรียนหญิงรวบผมให้เรียบร้อยเนื่องจากต้องพบเจอหลายโรงเรียนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
และบางส่วนเชื่อข้อมูลจากแอปพลิเคชัน TikTok ที่มีข้อมูลจากบัญชีผู้ใช้งานบางส่วน ระบุว่า “วัคซีนไฟเซอร์” ไม่ดีฉีดแล้วอาจตายได้ และมีประสิทธิภาพไม่ต่างจาก “วัคซีนซิโนแวค”
ซึ่งเรื่องดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลเป็นที่เรียบร้อย ถึงกับมีการตั้งแฮชแท็ก #ไฟเซอร์นักเรียน ขึ้นมาเรียบร้อย พร้อมทั้งมีความเห็นไปในทางเดียวกัน อาทิ
ขณะที่บางส่วนก็ได้นำข้อมูลที่อ้างอิงผลงานวิจัยที่ระบุว่า “วัคซีนไฟเซอร์” ได้ผ่านการรับรองจาก WHO ว่าปลอดภัยในเด็ก ขออย่าตื่นกลัวในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามสำหรับแผนการฉีดโควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการให้นักเรียนอายุระหว่าง 12-18 ปี ที่เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ตามหลักความสมัครใจที่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเบื้องต้น
มีนักเรียนประสงค์ฉีดวัคซีน 3,600,000 คน คิดเป็นร้อยละ 71 จากทั้งหมดกว่า 5,000,000 คน จะเริ่มฉีดให้กับสถานศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม 15,465 แห่ง ใน 29 จังหวัด อาทิ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี