ศบค. ห่วงภาคใต้ ยอดติดเชื้อโควิด-เสียชีวิต ยังสูง วอนเข้มงวดกว่านี้
ศบค. ขอ มหาดไทย-ผู้ว่าฯ จังหวัดภาคใต้ คุมเข้มมาตรการโควิดเพิ่มขึ้น หลังพบยอดติดเชื้อ-ตาย ยังสูง ไม่สวมแมส เปิดร้านเกินเวลา ดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่ กทม. เตรียมปิดศูนย์นิมิตรบุตร เปิดโรงพยาบาลสนามเลิดสิน รองรับผู้ป่วยเหลือง-แดง 200 เตียง
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โควิดประจำวัน ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ข้อกำหนดฉบับที่ 34 จะมีผลบังคับใช้ ในขณะที่ที่ประชุม ศบค. ชุดเล็ก หรือ ศปก.ศบค. มี พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่ ทำหน้าที่ประธานการประชุมเป็นวันแรก
สำหรับผู้ติดเชื้อวันนี้ 11,754 รายแบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 9,998 รายวันหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,244 ราย จากเรือนจำ 501 ราย เดินทางจากต่างประเทศ 11 ราย หายป่วย 12,473 ราย รักษาอยู่ 115,233 ราย อาการหนัก 3,144 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 709 ราย เสียชีวิต 123 ราย ฉีดวัคซีนแล้ว 54,784,812 โดส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการติดเชื้อในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทิศทางที่ลดลง กทม.จะมีการปิดศูนย์นิมิตรบุตร และเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามเลิดสิน เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเหลือง-สีแดงอีก 200 เตียง นอกจากนี้ กทม. ได้นำเสนอ Exit plan คือการลดจำนวนเตียงดูแลผู้ป่วย ที่ต้องเป็นไปตามสถานการณ์จริง รองรับสถานการณ์ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้ สิ่งที่ ศบค.ชุดเล็ก เป็นห่วงคือกลุ่มของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพบผู้ติดเชื้อ 1,917 ราย ซึ่งผู้ป่วยหนัก คิดเป็น 17% และผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น สูง 26 คน นอกจาก 4 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว ยีงพบที่ พัทลุง นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และสตูล
สำหรับผู้เสียชีวิต 123 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด โดยอายุ 60 ปีขึ้นไป มีถึง 86 ราย คิดเป็น 70% อายุน้อยกว่า 60 ปีมีโรคเรื้อรัง 31 ราย คิดเป็น 25% ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 6 ราย คิดเป็น 50% ซึ่งกรุงเทพฯ ยังคงเสียชีวิตสูงสุดอยู่ที่ 29 ราย ปริมณฑล 25 ราย ภาคใต้ 26 ราย ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 33 ราย ภาคอีสาน 5 ราย ภาคเหนือ 5 ราย
พร้อมกันนี้ ต้องเน้นย้ำการเฝ้าระวังการติดเชื้อในพื้นที่ภาคใต้ โดยกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ ต้องระมัดระวังเรื่องของการเข้มงวดมาตรการสาธารณสุข เพราะมีประชาชนรายงานมาที่ ศบค. ว่า มีประชาชนละเลยไม่สวมหน้ากากอนามัยบางพื้นที่ แม้เป็นส่วนน้อยก็ตาม แต่เมื่อการติดเชื้อที่ค่อนข้างสูงจึงต้องขอเน้นย้ำการคุมเข้ม เช่นเดียวกับร้านอาหารที่เปิดให้บริการได้ถึง 22:00 น. แต่ยังงดจำหน่ายแอลกอฮอล์ ก็มีการร้องเรียนว่า ร้านในหลายจังหวัดในภาคใต้ เปิดเกินเวลาและบริโภคแอลกอฮอล์ จึงฝากให้หน่วยงานในพื้นที่ช่วยกำชับมาตรการด้วย นอกจากนี้ จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่ 1 ใน 10 จังหวัดผู้ติดเชื้อสูงสุด ก็ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน ทั้งลพบุรี ปราจีนบุรี อุบลราชธานี ศรีสะเกษ เชียงใหม่ ตราด จันทบุรี ระยอง
ทั้งนี้ เมื่อผ่อนคลายกิจการกิจกรรม ก็อาจมีการติดเชื้อเพิ่ม ต้องขอความน่วมมือด้วย ถ้าอีก 15 วัน ยอดผู้ติดเชื้อลดลงก็จะได้มีการผ่อนคลายมากขึ้น
พญ.อภิสมัย ยังชี้แจงตัวเลขการฉีดวัคซีน ว่า การรายงานข้อมูลบางครั้งเร็ว จากระบบหมอพร้อม บางครั้งก็เป็นไปตามกรอบเวลา ตัวเลขจึงอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด เมื่อมาส่งรายงานเข้ามาที่กระทรวงสาธารณสุข ก็จะมีการตรวจสอบและลบส่วนที่มีความซับซ้อน ซึ่งใช้เวลา 1-2 วัน ข้อมูลอาจมีการล่าช้า แต่กระทรวงสาธารณสุข จะพยายามปรับฐานข้อมูลทั้งในส่วนของ MOC IC หมอพร้อม ให้ประสานสอดคล้องกัน
สำหรับเป้าหมายการฉีดวัคซีนในเดือนตุลาคม 64 จะให้ครอบคลุมประชากรไทยและแรงงานต่างด้าวทุกจังหวัด ให้ได้ 50% มีอย่างน้อย 1 อำเภอ ที่มีความครอบคลุม 70% ของประชากร และหากพื้นที่ใดจะเปิดนำร่องเศรษฐกิจ ต้องมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมอำเภอนั้นให้มากถึง 80% เป็นอย่างน้อย
ส่วนกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ ขอให้ครอบคลุม 80% ในเดือนตุลาคม ขณะที่นักเรียนนักศึกษา เริ่มฉีดวัคซีนสัปดาห์ หน้าตัวเลขที่สาธารณสุขสำรวจเบื้องต้นมีประมาณ 4 ล้านคน จะครอบคลุมให้ได้ 70%ในเข็มที่ 1
ส่วนการฉีดเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนเเวค 2 เข็มก่อนหน้านี้ ได้เริ่มระดมฉีดกันไปตั้งแต่ 24 กันยายน วันมหิดลแล้ว ซึ่งหน่วยบริการที่เคยให้บริการฉีดวัคซีน ขอให้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานการฉีดวัคซีน เพื่อจัดสรรคิวการฉีดวัคซีน และเมื่อฉีดให้ประชาชนแล้ว ขอให้ลงข้อมูลใน IC เพื่อติดตามอาการไม่พึงประสงค์ด้วย นอกจากนี้สาธารณสุข ยังให้แต่ละพื้นที่เร่งสำรวจความต้องการคือ นอกจากดูอัตราผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต จะดูอัตราการฉีดวัคซีนในแต่ละจังหวัด เพื่อพิจารณาในการกำหนดมาตรการผ่อนคลาย รวมถึงการเปิดบ้างเปิดเมืองอีกด้วย
