กรมอนามัย ยัน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนสามารถเปิดร้านอาหารได้ตามปกติ ไม่ต้องตรวจ ATK บ่อย และพนักงานไม่ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงมาตรการความปลอดภัยสำหรับร้านอาหารและสถานประกอบการ ว่า ยืนยันตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 64 ข้อกำหนดที่ 32 ยังคงแบ่งระดับพื้นที่ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 เหมือนเดือนที่ผ่านมา ซึ่งพื้นที่ควบคุมสูงสุขและเข้มงวด 29 จังหวัด เป็นพื้นที่ต้องติดตามเฝ้าระวังมากที่สุด
ส่วนมาตรการร้านอาหาร ในเรื่องของการบริโภคสุราภายในร้านและระยะเวลาในการให้บริการ ยังมีแนวทางปฏิบัติเหมือนเดิม คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด และ พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด ยังห้ามบริโภคสุราภายในร้าน รวมไปถึงระยะเวลาการให้บริการไม่เกิน 20.00น. ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด ไม่เกิน 23.00น.
ส่วนการรวมกลุ่มคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมกลุ่มไม่เกิน 25 คน, พื้นที่ควบคุมสูงสุดไม่เกิน 50 คน, พื้นที่ควบคุมไม่เกิน 100 คน, พื้นที่เฝ้าระวังสูงไม่เกิน 200 คน และพื้นที่เฝ้าระวังไม่เกิน 500คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการนั่งทานอาหารภายในร้านในพื้นที่อื่นๆ ยังคงมาตรการเดิม แต่พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด แต่เดิมไม่อนุญาตให้บริโภคภายในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว แต่มีการปรับมาตรการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 ให้สามารถนั่งทานอาหารภายในร้านได้ โดยมีการกำหนด ร้านอาหารที่เป็นห้องปรับอากาศ ให้นั่งได้ไม่เกินร้อยละ 50 ส่วน ร้านอาหารในพื้นที่ข้างนอก ให้นั่งทานอาหารได้ไม่เกิน ร้อยละ 75
จากข้อกำหนดฉบับที่ 32 ได้มีการกำหนดให้มีการเตรียมความพร้อม และการปฎิบัติตนด้วยความระมัดระวัง เพื่อการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด ตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาลซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ส่วนมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดที่จะบังคับใช้ในอนาคตที่มีการกำหนดระยะเวลาว่า หลังจากข้อกำหนดที่ออกมาให้เริ่มใช้ 1 กันยายน 2564 จะมีการประเมินผล 1 เดือน ซึ่งต้องดูสถานการณ์ โควิด-19 ว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งทาง ศบค. อาจจะมีมาตรการให้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
มาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร covid Free setting และร้านอาหาร ด้านสภาพแวดล้อม จะเน้นสุขอนามัยและความปลอดภัย ผู้ประกอบการต้องทำความสะอาด โต๊ะ ที่นั่งก่อนเปิดบริการ ล้างห้องน้ำทุกชั่วโมง จัดจุดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และงดให้ผู้บริโภคบริการตนเองภายในร้าน เช่น ร้านบุฟเฟต์ เว้นระยะโต๊ะกินข้าว
ที่สำคัญการจัดพื้นที่ให้นั่งต้องไม่แออัด และไม่เผชิญหน้ากัน ควรจำกัดการกินอาหารไม่เกิน 1 ชั่วโมง และมีระบบระบายอากาศที่ดีโดยใช้มาตรฐานการประเมินจากเว็บไซต์ไทยสต็อปโควิด
ส่วนมาตรการด้านบุคคลในส่วนของพนักงานผู้ให้บริการมีภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีนครบโดสหรือเคยติดเชื้อโควิดในช่วง 1 ถึง 3 เดือน การตรวจเชื้อมีผลการรับรองการตรวจคัดกรองความเสี่ยงด้วยชุดตรวจเอทีเค หรือวิธีมาตรฐาน Rt PCR ไม่พบเชื้อ โดยสถานประกอบการต้องจัดให้พนักงานทำการตรวจคัดกรองทุก 7 วัน หรือตามความเสี่ยงและดำเนินมาตรการป้องกันตนเองตามมาตรการส่วนบุคคล และมีการประเมินความเสี่ยงผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น ไทยเซฟไทยหรือแอพอื่นๆ
ส่วนมาตรการผู้รับบริการมีการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ก่อนเข้าร้านจากเว็บไซต์แอพพลิเคชั่นไทยสต็อปเซอร์วิส หรือไทยเซฟไทย หากเข้าร้านอาหารที่มีเครื่องปรับอากาศหรือในห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าคอมมูนิตี้มอลล์ ต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส หรือเคยมีประวัติการติดเชื้อมาก่อนอยู่ในช่วง 1 ถึง 3 เดือน หรือผลการตรวจ ATK เป็นลบใน 7 วัน และดำเนินร่วมกับการปฎิบัติตามมาตรการส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด คาดจะมีการบังคับใช้มาตรการนี้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 นี้
ส่วนกรณีเด็กที่อายุไม่ถึง 18 ปีไม่ได้ฉีดวัคซีน จะเข้ารับประทานอาหารภายในร้านอาหารได้หรือไม่ นพ.สุวรรณชัย ระบุว่า ตอนนี้สามารถทานร้านอาหารภายในร้านได้ แต่ในพื้นที่สีแดงเข้มยังมีผู้ติดเชื้อสูง ยังมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เนื่องจากยังมีกลุ่มเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนจำนวนมากแต่ ถ้าผู้ปกครองจะพาเด็กไปทานอาหารภายในร้านต้องประเมินความเสี่ยงก่อนรับประทาน แต่ต้องรับความเสี่ยงที่อาจะเกิดด้วย หรือ อาจจะซื้อกลับบ้านเพื่อลดความเสี่ยงสำหรับเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี