นายกรัฐมนตรี เปิดเวทีพบหารือร่วมหอการค้าไทย- 40 CEOs พลัส ด้านเอกชนเผยห่วงสถานการณ์ และการจัดวัคซีนไม่เป็นไปตามเป้า พร้อมเดินหน้าชง 4 เรื่องเร่งด่วน แก้ปัญหาโควิด-19 รายละเอียดติดตามในบทความ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือ ผ่านระบบ Video Conference ของคณะผู้บริหารหอการค้าไทย และ 40 CEOs พลัส กับ นายกรัฐมนตรี เรื่องการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงและกังวล เรื่องการจัดหาและจัดสรรวัคซีนที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ถดถอยและซบเซาอย่างมาก
ทั้งนี้หอการค้าไทย และภาคเอกชน 40 CEOs พลัส พร้อมที่จะสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เพื่อฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันกับภาครัฐ โดยการหารือในครั้งนี้ภาคเอกชนพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น สำหรับเป็นแนวทางวางแผนเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้เตรียมการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้เสนอแนวทางและความคิดเห็น 4 ประเด็น
เอกชน คุยนายก พร้อม 4 เร่งด่วนแก้โควิด-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ด่วน! "นายกฯ" เคาะ 4 แนวทาง ชะลอ-ลดค่าเทอม ช่วย "ผู้ปกครอง-ครู-นักเรียน"
• นายกฯ ร่ายยาว ไทยกำลังเผชิญโควิดครั้งร้ายแรงที่สุด ขอทุกคนอดทนอีกครั้ง
• ‘นายกรัฐมนตรี’ เชิญด่วน 40 ซีอีโอยักษ์ธุรกิจไทย ถกวิกฤตชาติ โควิด-19
1.การควบคุมการแพร่ระบาด โดยการจัดสรรและกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19นอกโรงพยาบาล ทั้ง 25 ศูนย์ ของภาคเอกชนร่วมกับ กทม. มีความสามารถที่จะเสริมการฉีดและรองรับการกระจายวัคซีนได้ทุกกลุ่มอายุ โดยสามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้ การจัดยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และมาตรการ Isolation จัดให้มี Rapid Tests อย่างทั่วถึง สนับสนุนให้เอกชนจัดสถานที่ Isolation จัดให้มียารักษาอย่างพอเพียง เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยหนักและ ICU โดยเฉพาะในเขตสีแดงและแดงเข้ม
2.การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน โดยขอให้มีการ ขยายมาตรการที่เคยดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ ในกรณีที่นายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการตาม คำสั่งของราชการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อหรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกินกว่า 90 วัน ให้ได้รับการช่วยเหลือ เร่งรัดออกมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว ในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น
โดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวในประเทศ เร่งรัดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวทุกกลุ่มที่ใบอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามผลของ กฎหมาย ตามมติ คณะรัฐมนตรี เร่งรัดการเจรจาเพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าว MOU จำนวน 500,000 ราย พร้อมทั้ง กำหนดแนว ทางการนำแรงงานใหม่เข้ามาโดยต้องปฏิบัติตามมาตรการการกักตัวและตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เร่งตรวจเชิงรุกในโรงงาน เพื่อป้องกันภาคการผลิตไม่ให้หยุดชะงัก
3.การกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 1 . กระตุ้นผู้มีรายได้ และผู้มีกำลังซื้อสูง นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้ง โดยเพิ่มวงเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งจะสามารถกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้ไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาทภายใน 1 ไตรมาส 2 . กระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคเอกชนให้ลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ภาคการลงทุนคึกคัก และเกิดการจ้างงานหลายแสนรายโดยภาคเอกชน
ทั้งนี้อยากให้ได้รับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำพิเศษจากสถาบันการเงิน และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาล และ BOI 3. เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ 4. ทบทวนความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ New Economy โดยกำหนดนโยบาย และกฎหมายที่ชัดเจนเฉพาะธุรกิจบางประเภท และกำหนดโครงสร้างฐานภาษีใหม่
4. การฟื้นฟูประเทศไทย โดยประกอบด้วย 1.การฟื้นฟูประเทศไทย เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน เพื่อแสวงหาโอกาสที่เกิดขึ้นในสถานการณ์โควิด-19 โดยมีตัวอย่างความร่วมมือของ Alliances for Actions (AfA) จากประเทศสิงคโปร์ มุ่งเป้าความสำเร็จในเรื่องที่มี Impact สูง และคนไทยได้ประโยชน์ เช่น เกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวคุณภาพสูง การศึกษายุคใหม่
และ Food for future เป็นต้น 2. การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ด้วย Digital Transformation โดยเสนอให้มี Super App. ที่ช่วยอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ซึ่งต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน และกำหนดเจ้าภาพที่ชัดเจน