จากกรณีข้อมูลที่แชร์ทางสื่อออนไลน์ว่า ใช้ยาไอเวอร์เม็คติน รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ด้าน อย. เผย ยาไอเวอร์เม็คติน เป็นยาฆ่าพยาธิที่ใช้ในสัตว์ และมีตำรับที่ใช้ในมนุษย์สำหรับรักษาการติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย เตือนประชาชนอย่าไปหาซื้อยาดังกล่าวในการรักษาโรคโควิด-19
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์ ใช้ยาฆ่าพยาธิไอเวอร์เม็คติน รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้นั้น อย.ขอชี้แจงว่า ยาไอเวอร์เม็คติน (Ivermectin) มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาสำหรับสัตว์ เป็นยาฆ่าพยาธิในกระเพาะและลำไส้ พยาธิในปอด โรคพยาธิหัวใจ ปัจจุบันมีทะเบียนตำรับสำหรับสัตว์ประมาณ 200 ทะเบียน และมีทะเบียนตำรับยาที่ใช้สำหรับมนุษย์เพื่อใช้ในการรักษาการติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย อยู่ 2 ทะเบียน ซึ่งทั้ง 2 ทะเบียนจัดเป็นยาอันตราย และอยู่ในบัญชีรายการยากำพร้า ซึ่งเป็นยาที่มีการใช้ค่อนข้างน้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• Breaking News : อย. ยัน “ซิโนแวค” เป็นเจล 110 ขวด ใช้น้ำแข็งขนส่ง เย็นจัด
• อย. แจงขั้นตอนขึ้นทะเบียนวัคซีน “สปุตนิก วี” สะดุด เหตุยังขาดข้อมูลสำคัญ
• Breaking News : อย.อนุมัติขึ้นทะเบียน "ซิโนฟาร์ม" ตัวที่ 5
จากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ยาไอเวอร์เม็คติน ไม่พิจารณาให้ใช้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 เนื่องจากมีข้อมูลการศึกษาพบว่าไม่ช่วยลดอัตราการตาย การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วย ส่วนทางด้านองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (USFDA) ไม่อนุมัติให้มีการใช้ยานี้ในการป้องกัน หรือการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์เช่นเดียวกัน ในขณะที่องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ระบุว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเพียงพอในการสนับสนุนการใช้ยาไอเวอร์เม็คติน สำหรับการป้องกัน หรือการรักษาโควิด-19 ในสหภาพยุโรป แต่ให้ใช้ในการศึกษาทางคลินิกเท่านั้น เนื่องจากมีผลการศึกษาระบุว่ายานี้สามารถป้องกันการเพิ่มจำนวนของไวรัสโควิด-19 ได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณที่สูงกว่าปกติ และการใช้ในปริมาณที่สูงกว่าปกตินี้ อาจส่งผลให้เกิดความเป็นพิษที่สูงขึ้นได้ เช่น เกิดความดันเลือดต่ำ อาการแพ้ วิงเวียนศีรษะ ชัก หรือโคม่าถึงแก่ชีวิตได้ EMA จึงไม่ให้ใช้ยานี้ในผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19
โดยสรุปยาไอเวอร์เม็คติน ยังไม่ได้รับการรับรองให้ใช้สำหรับการป้องกัน หรือ รักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด ขณะนี้มีเพียงการใช้ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยทางคลินิก ซึ่งต้องใช้เวลาในการรอผลการศึกษา จึงขอประชาชนอย่าเพิ่งใช้ยาดังกล่าวเพื่อการรักษาโควิด-19 เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้