"แอม เสาวลักษณ์" เล่าละเอียดป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รักษามา 3 ปีแล้ว ยอมรับตอนแรกไม่กล้าไปหาหมอ เก็บตัวไม่ค่อยออกสื่อ บอกไม่เคยมีความคิดอยากตาย แต่ไม่รู้จะอยู่ทำไม
"แอม เสาวลักษณ์" นักร้องดีว่าแถวหน้าของเมืองไทย เปิดใจครั้งแรกถึงอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หลังรักษาตัวนานกว่า 3 ปี ในรายการคุยแซ่บ Show เจ้าตัวลั่นไม่ได้เป็นโรคฮิตของดารา
คาดว่ามีอาการตั้งแต่เด็ก พร้อมยืนยันไม่เคยคิดสร้างกระแส โดยนักร้องเสียงดีได้เปิดใจ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตหนึ่งให้ฟังว่า
อะไรที่ทำให้รู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า ?
"คือพี่ไม่ยอมไปหาหมอเลยนะ พี่ก็เข้าใจว่าพี่ติสต์แตก แต่ว่าคนรอบข้าง คือเขาเห็นเราแล้ว เขารู้สึกว่าพี่น่าจะไปหาหมอ พี่ก็ไม่ไปเพราะพี่ไม่อยากกินยา ก็เป็นปี มันก็ลำบากนะ เพราะเราทำงานบันเทิง แล้วมันเกิดอาการที่เรียกแพนิค แอทแทค"
ขนาดไหนเวลาเกิดแพนิค แอทแทค ?
"พี่บอกแล้วจะไม่มีใครเชื่อพี่เลย มันจะเป็นปัญหากับคนทำงานเบื้องหลังแบ็คสเตจ พี่แอมเป็นอะไร พี่ร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กแล้ว พี่เป็นอะไร ทำไมก่อนจะขึ้นคอนเสิร์ตพี่แอมมีอาการไมค์เปียกหมดเลย แต่พี่ก็ไปค้นคว้ามาแล้วว่านักร้องระดับโลกก็เป็นอย่าง บาร์บรา สไตรแซนด์ ก็เป็น"
"ในที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้พี่ตัดสินใจว่า หรือเราควรไปหาหมอจริง จนมันมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมจริงๆ ที่ทำให้เราตกใจก็คือพี่ขับรถไม่ได้ เพราะพี่เป็นคนชอบขับรถตั้งแต่วัยรุ่น เมื่อก่อนพอมีเรื่องไม่สบายใจ เราชอบขับรถเล่นตามชานเมือง เปิดหน้าต่าง หรือเปิดเพลง อาจจะไปใกล้หรือชายทะเล"
ขับรถไม่ได้ ?
"ขับได้ แต่ไม่รู้จะจอดเมื่อไหร่ สิ่งที่มันทำลายความมั่นใจของพี่มากก็คือ บ้านพี่อยู่ใกล้ๆ เซ็นทรัล บางนา อาจจะขับไปเซ็นทรัลได้ แต่ขากลับเรียกคนมารับ"
มันกลัว มันมือสั่น มันตื่นตระหนกเวลาเห็นรถวิ่งผ่าน?
"ที่สำคัญไม่รู้ว่ามันจะแอทแทคตอนไหน ตอนออกจากบ้านเราอาจจะสบายดี เราไม่เป็นไร แต่พอมันแอทแทค โดยที่มันไม่ได้เตือนเราก่อน มันมีความรู้สึกว่ารถทุกคันจะชนเรา แล้วเราหยุดเลย จอดเดี๋ยวนี้ขับต่อไม่ได้ ถ้าไม่มีใครก็ต้องหายใจ ต้องช่วยเหลือตัวเองให้มันกลับบ้านได้ มันทำให้เราขาดความมั่นใจ"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
บุ๋ม ปนัดดา ฟาดไม่ยั้ง! พร้อมแคปประจานเกรียนคีย์บอร์ดที่เข้ามาแซะ
เป๊ก สัณณ์ชัย ลาเมืองไทย บินไปอเมริกา ลั่นแฮปปี้ได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ
พชร์ อานนท์ ประกาศลาออกจากรายการข่าว หลังโดนดราม่าอ่านข่าวกราดยิงรพ.สนาม
เป็นมานานเท่าไหร่แล้ว ?
"พี่ไม่ได้ขับรถเองตั้งนานแล้วนะ แต่ตอนนี้ตั้งแต่หาหมอมาขับได้แต่อย่าไปไกลบ้าน"
ไม่ใช่อาการแรก มีไม่อาบน้ำ ไม่ทำอะไรเลย นั่งดูต้นไม้โดยที่ไม่รดน้ำ แล้วก็ปล่อยให้ต้นไม้ตาย?
"จริง พี่เป็นคนรักต้นไม้มาก อยู่มาวันหนึ่งพี่นั่งตรงระเบียงที่บ้านที่นั่งประจำ แล้วต้นไม้ก็เหี่ยวลงทุกวันจริงๆ วิธีแก้มันง่ายนิดเดียวแค่ลุกไปเปิดก๊อกแล้วก็เอาสายยางไปรดน้ำมันมันก็ไม่ตายแล้ว"
ทักษะทางดนตรีอยู่ๆ เล่นไม่ได้ก็มี ?
"ใช่ อยู่ๆ ก็ป๊อดขึ้นมา อย่างกีต้าร์เราไปดูคลิปคอนเสิร์ตเก่าๆ เราเคยเล่นกีต้าร์ไปด้วย ร้องไปด้วย มาถึงตอนนี้ไปยังไง ทำยังไง นึกไม่ออก มันเป็นความรู้สึกเล่นไม่ได้ เล่นยังไง หลังจากที่หาหมอรักษามา 3 ปีแล้ว ก็ดีขึ้น"
รักษามา 3 ปี ตอนนั้นเราอยู่กับโรคนี้นานเท่าไหร่ ?
"ทุกๆ ครั้งที่เราไปหาหมอ ก่อนจบก็จะถามหมอว่าหายหรือยัง เมื่อไหร่จะหาย หมอก็จะบอกว่ามันต้องใช้เวลา พอเราถามบ่อยๆ เข้า ในที่สุดหมอก็บอกว่าเอาจริงๆ ที่คุณแอมเป็นไม่น่าจะเพิ่งเป็นน่าจะเป็นตั้งแต่เด็กๆ น่าจะเป็นตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่หย่ากันหรือสภาพอะไรที่โตมา แต่สมัยพี่เด็กๆ มันไม่ได้มีจิตแพทย์เด็กเหมือนสมัยนี้ทันสมัย"
หมอบอกเราอย่างนั้น ใจเรายอมรับไหมหรือใจต่อต้าน ?
"พอเรามองย้อนกลับไป เออว่ะ แต่เราไม่รู้ไม่ได้มีแม้แต่ชื่อเรียก อย่างคนแก่เดี๋ยวนี้เขาเรียกอัลไซเมอร์ ถ้าเมื่อก่อนก็เรียกหลง หลงๆ ลืมๆ มันไม่ชื่อเรียก ไม่มียารักษา ไม่มีหมอ ถ้าไปหาหมอก็คือบ้า"
สิ่งหนึ่งที่ผู้ป่วยซึมเศร้าเป็นเหมือนกัน คือไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้เคยมีอาการนั้นไหม ?
"หมอถามอยู่บ่อยๆ สำหรับพี่นะ หมอถามว่าเธออยากฆ่าตัวตายไหม พี่ตอบว่าไม่ใช่ แต่ว่ามันอาจจะฟังยากหน่อย คือไม่อยากตายแต่ไม่รู้จะอยู่ทำไม มันเหมือนเราติดอยู่ในร่องอะไรไม่รู้
ฆ่าตัวตายก็เป็นบาป แล้วเราก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นกับตัวเอง ตอนที่มันเป็นมันไร้เหตุผลที่จะอยู่ ไม่รู้จะอยู่ทำไม ตายก็ไม่ได้ อยู่ก็ไม่ดี ไม่ได้คิดอยากมีค่าสำหรับใครด้วยนะ ไม่ได้อยากยุ่งกับใคร ไม่ต้องการให้ใครมาสนใจ"
เวลาขึ้นคอนเสิร์ตเกิดแพนิค แอทแทค ทำยังไงที่จะก้าวขึ้นไปเอ็นเตอร์เทนคนดูต่อได้ ?
"กินยาซิ มันก็ไม่ได้เป็นทุกครั้ง ครั้งไหนที่หมอรู้สึกว่ามันไม่ทันแล้วก็ให้ทานยา พี่ลองมาหมดแล้วทั้งนั่งสมาธิ สวดมนต์แต่พอตอนที่มันแอทแทคหนักๆ อะไรก็เอาไม่อยู่ มันไม่สามารถเข้าสมาธิได้"