ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เผย กทม. พบคลัสเตอร์แคมป์คนงานเขตบางกอกน้อย ติดโควิด 96 ราย เร่งสั่งปิดแคมป์แล้ว ชี้วันแรกของการเปิดเทอมผ่านไปได้ด้วยดีแต่ยังต้องเฝ้าระวัง และจะพยายามเร่งระดมฉีดวัคซีนโควิดให้คุณครูก่อน
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลง สถานการณ์โควิดประจำวัน ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อ 3,000 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 1,814 ราย ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 541 ราย จากเรือนจำ-ที่ต้องขัง 640 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศ 5 ราย หายป่วยวันนี้ 4,774 ราย เสียชีวิต 19 รายรวมเสียชีวิตสะสม 1,485 ราย
ส่วนผู้ที่รับวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ จนถึงปัจจุบัน จำนวน 6,511,184 โดส โดยเข็มที่ 1 จำนวน 4,762,063 โดส , เข็มที่ 2 จำนวน 1,749,121 โดส
สำหรับผู้ที่รักษาตัวอยู่ 38,061 ราย มีอาการหนัก 1,249 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 365 ราย ส่วนรายละเอียดผู้เสียชีวิต 19 ราย ช่วงอายุ 34-92 ปี มาจาก กทม. 11 ราย , สมุทรปราการ 3 ราย , สระบุรี 2 ราย , นครศรีธรรมราช ปราจีนบุรี และยะลา จังหวัดละ 1 ราย
ส่วนการรายงานผู้เดินทางจากต่างประเทศ วันนี้พบ 5 ราย แบ่งเป็น ญี่ปุ่น 1 ราย , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย , ซาอุดิอาระเบีย 1 ราย , เบลเยี่ยม 1 ราย , กัมพูชา 1 ราย ซึ่งเป็นหญิงคนไทย อายุ 28 ปี เดินทางมาทางจันทบุรี ข้ามแดนผิดกฎหมาย ถูกจับกุมได้ และเข้าไปอยู่ที่สถานกักกันที่รัฐจัดให้เรียบร้อย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ สูงสุดมาจาก กทม. 872 ราย และยังมีคลัสเตอร์ที่เฝ้าระวัง 85 คลัสสเตอร์ กระจายทั้ง 6 กลุ่มเขต ที่เจอใหม่ก็คือกลุ่มเขตกรุงธนเหนือ ในเขตบางกอกน้อย เป็นแคมป์ก่อสร้างคอนโดศุภาลัย แยกไฟฉาย พบผู้ติดเชื้อ 96 ราย จากการตรวจ 363 คน คิดเป็น 26.45% ถือว่าสูง ซึ่งมีการจัดการไปแล้ว โดยปิดแคมป์และพยายามตรวจคัดกรองเชิงรุกและชุมชนใกล้เคียง นอกจากนี้ ใน กทม. พบผู้ติดเชื้อ 70% เป็นกลุ่มอาการสีเขียว มีอาการเพียงเล็กน้อย 20% มีโรคประจำตัว อีก 10% ที่เหลือคือกลุ่มสีเเดง ซึ่ง กทม. พยายามที่จะจัดสรรให้ได้เตียงทันที แต่ช่วงนี้เตียงที่รองรับผู้ป่วยชายค่อนข้างจำกัด เพราะผู้ติดเชื้อในแคมป์คนงานก่อสร้างส่วนใหญ่จะเป็นเพศชาย ก็อาจโยกเตียงผู้หญิงที่มีอยู่ไป ซึ่ง 1-2 วันนี้จะมีการปรับให้รับผู้ป่วยชายได้มากขึ้น
ส่วนที่ จ.สมุทรปราการ รายงานคลัสเตอร์ใหม่ ในพื้นที่บางเสาธง บริษัทผลิตขนมอบกรอบ พบผู้ป่วยรายใหม่ยืนยัน 63 ราย พระประแดง เป็นคอนโดมิเนียม พบ 10 ราย / ฉะเชิงเทรามีรายงานที่ บางน้ำเปรี้ยว เป็นบริษัทคอมเพรสเซอร์ 25 ราย / พนมสารคาม เป็นบริษัทคัดแยกขยะและรีไซเคิล 13 ราย / บ้านโพธิ์ บริษัทชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ 17 ราย / สระบุรี เป็นโรงงานแปรรูปไก่ ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา และมีการกระจายไปยัง 5 จังหวัด คือ สระบุรี ลพบุรี อยุธยา โคราช ปทุมธานี ด้วย
พญ.อภิสมัย ยังระบุอีกว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการทบทวนการเปิดเรียนวันแรกเมื่อวานนี้ พบว่าผ่านไปด้วยดี แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยผู้ปกครอง คุณครู และสถานศึกษาเอง ให้ความร่วมมือกับมาตรการที่ ศบค. รายงานไปก่อนหน้านี้ โดยกระทรวงศึกษาธิการมีการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และนำเสนอมาตรการแบ่งพื้นที่ทั้งประเทศ เพื่อให้เห็นภาพในการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน มีการเรียนออนไซต์ ออนไลน์ ออนแอร์ ขึ้นกับบริบทแต่ละพื้นที่ โดย 4 จังหวัดในพื้นที่สีแดง ยังไม่อนุญาตให้เรียนออนไซด์ แต่ให้จัดเรียนออนไลน์ได้ ส่วนสีส้ม 17 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด สามารถจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานได้ซึ่งจังหวัดจะทำเรื่องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อน แต่ละพื้นที่สามารถปรับได้ตามบริบทของพื้นที่ ทั้งนี้กระบวนการของกระทรวงศึกษาธิการคือให้สถานศึกษาทุกแห่งมีการประเมิน Thai Stop covid Plus ซึ่งเป็นชุดคำถามจัดโดยกรมอนามัย ซึ่งผ่านการประเมินไปแล้ว 99.1% อีกเกือบ 1% ที่ยังไม่ผ่าน เป็นสังกัดของระดับมหาวิทยาลัย ที่ยังไม่มีการเปิดการเรียนการสอน จึงยังไม่มีการประเมิน พร้อมขอความร่วมมือ กระทรวงศึกษาธิการ และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำให้ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ทำไทยเซฟไทย เป็นการประเมินตนเองก่อนที่นักเรียนจะเข้าเรียน ถ้าเป็นเด็กเล็กพ่อแม่ก็ช่วยประเมินสุขภาพของลูกด้วย ถือเป็น New Normal ของโรงเรียนสถานศึกษาทั่วประเทศไทย
ส่วนกรณีมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ก็มีแนวทางให้กับโรงเรียน สถานศึกษา และผู้ปกครอง ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เน้นย้ำว่าการปิดไม่ได้ตอบโจทย์ เช่น ถ้าพบผู้ติดเชื้อ 1-2 ราย ใน 1-2 ห้องเรียน ขอให้สถานศึกษารวมถึงผู้ปกครอง ช่วยกันศึกษามาตรการเหล่านี้ เพื่อให้การเปิดเรียนผ่านไปด้วยดี ส่วนเด็กพิเศษ ผู้พิการ และโรงเรียนประจำ กลุ่มนี้อาจมีการจัดการที่แตกต่าง มีมาตรการเพิ่ม คู่มือแยกแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป โดยกลุ่มนี้จะต้องมีการตรวจ rapid Test เพื่อยืนยันว่าไม่เป็นผู้ติดเชื้อก่อนเข้าไปศึกษาในโรงเรียน
สำหรับกลุ่มผู้พิการอื่น หรือกลุ่มเปราะบาง จะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างไร ทาง กทม. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จะพยายามระดมฉีดวัคซีนคุณครูให้ครบถ้วนก่อน และพยายามหารือแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มเหล่านี้ เพราะหากคนกลุ่มนี้ได้รับการฉีดวัคซีนรวดเร็วทันท่วงที ก็จะสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงได้ สำหรับผู้ป่วย ผู้พิการและครอบครัวที่ดูแล หากมีคนกลุ่มไหนที่ยังตกหล่น ขอให้สังคมหรือสื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงและจะพยายามดูแลให้ครบถ้วน