"นายกฯ" ขอโทษ คนฉีดวัคซีนโควิด แล้วมีปัญหา ยืนยัน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ

วันที่ 7 มิ.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่จุดบริการฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนโควิดในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา 3.5 ล้านโดส ทั้งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า-ซิโนแวค และเข้ามาเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะต้องบริหารสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้มีการจัดสรรวัคซีนเตรียมลงพื้นที่ต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และวันนี้อยู่ในขั้นตอนการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะบริหารวัคซีนรายสัปดาห์ และนำมาแจกจ่ายตามสถานการณ์ ทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้แสดงความเสียใจกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปัญหา ยืนยันทุกคนทำงานกันอย่างเสียสละ และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่า รัฐบาลพยายามทำเต็มที่ คำว่าเต็มที่ก็คือเต็มที่ตามสถานการณ์ที่มีอยู่ปัจจุบัน ทั้งในประเทศและสถานการณ์วัคซีนโลก เราจำเป็นต้องบริหารให้สอดคล้องกับความเสี่ยง อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด พร้อมระบุว่า ทุกคนทำอะไรเพื่อคนไทยทุกคน แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเพราะคนจำนวนมาก แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ต้องให้กำลังใจกับสาธารณสุข ทุกคนก็เหนื่อยพอสมควรแรงกดดันสูงในเมื่อทุกคนอยากฉีด เราก็มีหน้าที่ในการหาวัคซีน ในช่องทางที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็พูดได้หมด ขอให้สงบเรียบร้อย พร้อมกับระบุว่า การใช้สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการรับคนได้จำนวนมากก็ดี เพราะถือว่าให้ทุกคนได้รู้จากสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน นี่แหละคืออนาคตที่รัฐบาลแล้วทำไว้ให้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นขอให้คิดถึงสิ่งดีๆหาสิ่งดีๆให้เจอบางทีก็อาจจะมองไม่เห็น จริงๆตอนไม่ได้ไปตรวจแต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจเพราะเขาทำกันดีอยู่แล้ว

โดยในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมกับระบุว่า ขออย่าซักถามเพราะจะนำให้เกิดการตีความ ก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้ นายกฯ ได้มาเยี่ยมชมการจัดบริการที่
ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม ร่วมกันจัดหน่วยบริการหลักในการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นการคิกออฟการฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกันทั่วประเทศ ตามแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทยที่เริ่มเดือนมิถุนายน ที่มุ่งหวังให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี 

“คนไทยทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยที่สมัครใจ ต้องได้รับวัคซีนโควิดทุกคนโดยไม่คิดมูลค่า” เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว เตรียมความพร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อช่วยฟื้นคืนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยต่อไป