กรุงเทพติดอันดับ 3 ของการเป็นเมืองที่ ผู้คนเมืองทำงานหนักชีวิตเต็มขาดความสมดุลในการใช้ชีวิต ขณะที่ องค์การอนามัยโลก WHO ชี้การทำงานล่วงเวลานำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร มีตัวเลขเสียชีวิต 7 หมื่นรายต่อปีที่เสียชีวิตจากผลกระทบจากเรื่องงาน
• กรุงเทพอันดับ 3 คนเมืองทำงานหนัก
ผลสำรวจของ Kisi บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงานทำผลสำรวจทั่วโลกในหัวข้อ “Cities with the Best Work-Life Balance 2021” หรือ เพื่อค้นหาว่าเมืองไหนในโลกที่มีการทำงานที่สมดุลที่สุดแห่งปี 2021 และอีกหัวข้อคือ " Cities with the Overworked 2021” หรือเมืองที่มีประชากรที่มี ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และชีวิตไลฟ์สไตล์ขาดความสมดุล
โดย ผลสำรวจ 5 อันดับยอดแย่ของเมืองที่มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและชีวิตคนในเมือง ขาดความสมดุลมากที่สุดในโลก มีกรุงเทพ เมืองหลวงของไทยติดอันดับมาด้วย โดยกรุงเทพ ติดอันดับ ที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลพอสมควรสำหรับคนกรุงเทพ
โดยอันดับเมืองที่เมืองที่มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและชีวิตคนในเมือง ขาดความสมดุลมากที่สุดในโลก จากผลสำรวจมีดังนี้
•ปัจจัยที่นำมาจัดอันดับ
Kisi บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงาน ใช้ หลากหลายปัจจัยมาวิเคราะห์ในการมาจัดอันดับ ซึ่งรวมๆแล้ว มี 18 ปัจจัยในการรวมดัชนี อาทิ ตั้งแต่ชั่วโมงการทำงาน จำนวนวันลาขั้นต่ำ สิทธิในการลาคลอดหรือเลี้ยงดูลูก รวมไปถึงปัจจัยสนับสนุนด้านอื่นๆ ในแต่ละเมือง เช่น การเข้าถึงระบบสาธารณสุขในเมือง ผลกระทบและการเยียวยาในยุคโควิด-19 ความปลอดภัยในเมือง คุณภาพของอากาศในเมือง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ว่าทำงานหนักมากเกินไปหรือไม่นั้น ต้องดูที่ ช่วงระยะเวลาในการทำงาน โดยงานวิจัยนี้วางมาตรฐานของการทำงานเอาไว้ว่า หากใครที่ทำงานตั้งแต่ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไปจะถือว่าเป็นคนที่ทำงานหนัก (Overworked) คิดง่ายๆ คือทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ เฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งคนกรุงเทพทำงานกันที่มากกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ งานวิจัยชิ้นนี้อ้างอิงข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ International Labour Organization (ILO) ที่ระบุว่า การทำงานที่สมดุลคือการทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง หรือคิดเป็นการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง และทำงานเพียง 5 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นหากทำงานด้วยชั่วโมงการทำงานที่น้อยกว่านี้ก็หมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้การทำงานที่ยาวนานเกินกว่าที่ร่างกายและจิตใจจะรับไหว ยังส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ทำให้พยายามลดความเครียดลง แต่กลับเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายต่อสุขภาพทั้งสิ้น เช่น การสูบบุหรี่, การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ , ขาดการออกกำลังกาย และการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ
•ผลสำรวจสอดคล้องกับ WHO
องค์การอนามัยโลก (WHO) เพิ่งจะเปิดเผยข้อมูลว่า การทำงานล่วงเวลา ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวและเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และนำไปสู่พฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพ และนั่นคือชีวิตที่ไร้สมดุล
คนที่ทำงาน 55 ชั่วโมงขึ้นไปในแต่ละสัปดาห์มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองสูงขึ้นประมาณร้อยละ 35
และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจสูงขึ้น 17% เมื่อเทียบกับคนที่ทำงานสัปดาห์ละ 35 - 40 ชั่วโมง องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุไว้ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environment International ที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือน พ.ค. 2021
โดย เวลาทำงานที่มากเกินไป กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตกว่า 70,000 รายต่อปี แม้ว่าการทำงานจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง แต่การทำงานล่วงเวลาได้นำไปสู่อัตราการเกิดโรคร้ายมากขึ้น เช่น หัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดสมอง โดย ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ องค์การอนามัยโลก WHO ได้เรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ และภาคธุรกิจหาวิธีปกป้องสุขภาพของคนทำงานให้มากขึ้น
ในการศึกษานี้ได้แนะให้นายจ้างควรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการกำหนดเวลาและตกลงกับพนักงานเกี่ยวกับจำนวนชั่วโมงการทำงานสูงสุด เพื่อไม่ให้พนักงานต้องทำงานมากกว่า 55 ชั่วโมงในหนึ่งสัปดาห์
•เมืองแห่ง Work-Life Balance
กลับมาที่ การจัดอันดับของ Kisi บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงาน ยังได้มีการจัดอันดับ 5 อันดับแรกเมืองที่มีการทำงานสมดุลดีที่สุดในโลก ซึ่งเมืองจากประเทศสแกนดิเนเวีย ติดเข้ามาถึง 4 เมือง ได้แก่
โดย มีเมือง ซูริค จากสวิตเซอร์แลนด์ เมืองเดียว ที่ไม่ได้อยู่ในสแกนดิเนเวีย ที่ติดอันดับเข้ามาเป็นเมืองแห่งความสมดุลของการทำงาน
สำหรับคำพูดที่บอกว่า "งานหนักไม่เคยฆ่าคน" เห็นทีอาจจะไม่จริงเสียแล้ว จากผลวิจัยขององค์กรอนามัยโลกที่เป็นเครื่องช่วยยืนยัน เพราะๆ ทุกปีมีคนตายจากการทำงานหนักหลายหมื่น ชีวิตคนเมืองยังขาดความสมดุลในการใช้ชีวิต และเต็มไปด้วยความเครียด
... แต่ปฏิเสธความจริงอีกข้อไม่ได้เช่นกันที่ว่า ทุกคนต้องดิ้นรนทำงานเพื่อหารายได้ยังชีพ ดังนั้น การหา ความสมดุล ในชีวิตให้ได้ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด หาความสุขเล็กๆ หาความสมดุลให้ได้ ก็น่าจะเจอกับ ชีวิตดีๆที่ลงตัว กันได้ทุกคน