รัฐเบรกเอกชน ไม่ต้องช่วยหาวัคซีนโควิด 19เพิ่ม ยันมีเพียงพอต่อความต้องการ
ความคืบหน้ารัฐ เอกชน หารือการหา –กระจายวัคซีนโควิด 19 โดยรัฐบาลแจงว่าปริมาณวัคซีนที่จะจัดหามีเพียงพอต่อทุกคน เอกชนไม่ต้องหารเพิ่ม พร้อมตั้ง ทีมไทยแลนด์ ตัวกลางประสานงานกระจายฉีดวัคซีนทั่วประเทศ
เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการหารือร่วมระหว่างรัฐบาล และเอกชน ในการเดินหา และกระจายวัคซีนโควิด 19 โดยเรื่องนี้ถูกเปิดเผยจาก หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ออกประกาศเรื่องการดำเนินงานด้านการจัดหาวัคซีนทางเลือก ระบุว่า จากการประชุมร่วมกับรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่า ปริมาณวัคซีนที่ภาครัฐจัดหามานั้น มีจำนวนที่เพียงพอต่อการความต้องการของประชาชนทุกคน พร้อมเร่งดำเนินการในการนำเข้าวัคซีน ซึ่งกำลังทยอยเข้ามาเป็นลำดับ ดังนั้นภาคเอกชนจึงไม่จำเป็นต้องมีการจัดหามาเพิ่มเติม และจะได้ไม่เป็นภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งภาคเอกชนต่างก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดอยู่แล้ว
ส่วนการดำเนินงานของหอการค้าไทย ซึ่งเปิดรับแจ้งความประสงค์ของบริษัทเอกชน ที่ต้องการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทางเลือกเพื่อฉีดให้กับพนักงานของตนเองนั้น หอการค้าไทยจะรวบรวมข้อมูลความต้องการดังกล่าวที่ได้มีการแจ้งเข้ามาแล้ว ส่งต่อให้กับภาครัฐ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดหาลำดับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม สำหรับในแต่ละพื้นที่ หรือประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ต่อไป สำหรับการแจ้งความประสงค์ในการเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินงานอื่น ๆ หอการค้าไทยยังยินดีรับการสนับสนุนนั้น ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นต่อไป
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เรื่องที่ได้นำเสนอนายกรัฐมนตรี เป็นแผนในระยะ 99 วันแรก มี 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.เร่งรัดจัดหาวัคซีนโควิด 19 ให้มีจำนวนมากที่สุดและสามารถกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึงมากที่สุด ซึ่งประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุขยืนยันว่า ภาครัฐทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และมีแผนที่จะจัดหาวัคซีนฉีดให้คนไทย 70% ภายในปี 2564 นอกจากนั้นยังได้จัดคณะทำงาน 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนได้แก่
1.ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีนโควิด 19
2.ทีมการสื่อสาร (Communication)
3.ทีมเทคโนโลยีและระบบ (IT Operation)
4.ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมร่วมกับภาครัฐ และเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรียังตั้ง 'ทีมไทยแลนด์' เพื่อใช้เป็นตัวกลางประสานงานภาครัฐ-เอกชน วางแผนกระจายฉีดวัคซีนโควิด 19 ไปยังทั่วประเทศ ดังนั้นต้องลุ้นมาก ๆ ว่าแผนงานทั้งหมด ที่รัฐ จะทำร่วมกับเอกชนภาคธุรกิจจะไปได้รวดเร็วแค่ไหน เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้พี่น้องประชาชน และเศรษฐกิจได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
