svasdssvasds

โฆษกศาลยุติธรรมฯเผย สั่งปรับ คนไม่สวมแมสก์แล้ว 9 คดี ปรับ 2-4 พันบาท

โฆษกศาลยุติธรรมฯเผย สั่งปรับ คนไม่สวมแมสก์แล้ว 9 คดี ปรับ 2-4 พันบาท

โฆษกศาล ฯระบุศาลสั่งปรับคนไม่สวมหน้ากากอนามัย 9 คดี ปรับเงินไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาลพิจารณาความหนักเบา และพฤติการณ์แห่งคดี ช่วงโควิด 19 นำเทคโนโลยีมาร่วมใช้การพิจารณา ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้กล่าวถึงภาพรวมของการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมทั่วประเทศกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของจังหวัดต่าง ๆ ว่า สำหรับศาลยุติธรรม ที่ได้เริ่มรวบรวมสถิติคดีลักษณะดังกล่าวแล้วนั้น นอกจากที่มีการฟ้องคดีและมีคำพิพากษาไปแล้วในส่วนของศาลแขวงสุราษฎร์ธานี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวน 1 คดี จำเลย 1 คน  ยังมีรายงานคดีเข้ามาอีกในศาลเขตพื้นที่ต่าง ๆ  รวม 4 ศาล จำนวนอีก 8 คดีด้วยกัน

โดยมีศาลจังหวัดเวียงสระ รายงานว่าเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 มีฟ้องเข้ามา 1 คดี จำเลย 2 คน ศาลลงโทษปรับคนละ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 1,000 บาท และเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 มีรายงานว่าที่ศาลจังหวัดเวียงสระมีฟ้องเข้ามาอีก 1 คดี จำเลย 1 คน ศาลลงโทษเท่ากันกับเมื่อวันก่อน (26 เมษายน)

 

นอกจากนี้ในวันที่ 27 เมษายน ยังมีที่ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 2,000 บาท ศาลจังหวัดยะลาฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กี่งหนึ่งคงปรับคนละ 2,000 บาท

 

และศาลจังหวัดเบตงฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 1,000 บาท

สำหรับการลงโทษที่มีข้อแตกต่างกันนั้น เนื่องจากผู้พิพากษาสามารถใช้ดุลพินิจพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดีของแต่ละคดีซึ่งอาจมีรายละเอียดและความหนักเบาแห่งการกระทำความผิดที่แตกต่างกัน การลงโทษจึงเป็นไปได้ที่จะไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามขอย้ำกับประชาชนทั่วประเทศว่าขอให้ติดตามข่าวสาร การประกาศของทางราชการอยู่เสมอเพื่อจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวเองและของผู้อื่น

 

ในส่วนของศาลยุติธรรมนั้นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 สำนักงานศาลยุติธรรมมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อช่วยสนับสนุนงานการพิจารณาตัดสินคดีของผู้พิพากษา เพื่อลดการเดินทางของคู่ความที่จะต้องเดินทางมาศาลในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ในชั้นของการยื่นคำร้อง คำขอต่าง ๆ ไปจนกระทั่งถึงการสืบพยานสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ได้ ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกประกาศแนวทางการปฏิบัติให้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศดำเนินการแล้ว