เรื่องราวเรือขวางคลองสุเอซ แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อส่งออกไทย และทั่วโลกให้เป็นอัมพาต แต่รู้หรือไม่ ? ไทยใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการส่งออกไปยุโรป คิดเป็น 8 % ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แล้วจะพามาลองเทียบดูว่าถ้า 1 เดือนแก้ปัญหานี้ไม่ได้จะสูญเงินเท่าไหร่
การส่งออก ถือว่าเป็นหัวหอกสำคัญมากกับเศรษฐกิจไทย ถ้าไม่ติดปัญหาโควิด-19 เชื่อว่าการส่งออกจะเป็นพระเอกที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยลืมตาอ้าปากได้ และเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไปได้ดี แต่การส่งออกก็ต้องเพิ่งพาการขนส่ง โดยเฉพาะการส่งออกที่ไปในระยะไกล ๆ อย่าง ยุโรป และอเมริกา ต้องอาศัยการขนส่งทางเรือ เท่านั้น พร้อมกันนี้จะต้องเดินทางผ่านหลายประเทศ และก็จะพบเจอปัญหาและอุปสรรคระหว่างทางมากมาย
ล่าสุด ก็มีข่าวไม่ค่อยสู้ดีนักกับแวดวงส่งออกไทย เมื่อ...มีเรือประเทศเพื่อนผู้ส่งออกด้วยกันไปติดขวางเส้นทางจราจร ทำให้เรือขนสินค้าจากทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งหากจะอ้อมไปยังเส้นทางอื่นก็จะทำให้ภาคธุรกิจต้องใช้เวลาในการเดินทางนานขึ้น และทำให้กำไรจากการทำธุรกิจลดลง เผลอ ๆ บางบริษัทอาจขาดทุนด้วยซ้ำ จากต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ๆตามเรื่องนี้ถูกภาคธุรกิจจากทั่วโลกจับตามองกันอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลอย่างมากสำหรับการค้า การขายโลก โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย ซึ่งล่าสุดก็มีนิตยสารลอยด์ส ลิสต์ ซึ่งให้ข้อมูลขนส่งทางทะเลรายงานว่า ในเหตุการณ์เรือเอเวอร์กิฟเวน ซึ่งเป็นเรือบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์สินค้าขนาดใหญ่ลอยขวางติดในคลองสุเอซสร้างความเสียหายต่อการค้ากว่า 400 ล้านดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งหากลองเปรียบเทียบดูว่าถ้า 1 วัน จะสูญเงินไปเท่าไหร่ และ 1 เดือน เท่าไหร่ สามารถดูละเอียดดังต่อไปนี้ หรือสามารถดูได้ตามกราฟฟิก
-1ชั่วโมง สูญเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท
- 1 วันมี 24 ชั่วโมง สูญเงิน 28.8 แสนล้านบาท
-ถ้าเรือติด 1 เดือน จะสูญเงิน 86.4 ล้านล้านบาท
ขณะที่ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถประมาณการณ์ได้ว่าส่งออกไทยสูญเงินไปแล้ววันละเท่าไหร่แล้ว แต่มีผลกระทบให้เกิดความล่าช้าอย่างมากในการขนส่งสินค้า เพราะไทยใช้เส้นทางนี้หลักในการส่งสินค้ายังยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 8 % ของสัดส่วนที่ไทยส่งออกสินค้าไปทั่วโลก สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยางพารา อาหาร
ทั้งนี้ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร ล่าสุดเห็นว่ามีข่าวดีแล้วว่าเรือสามารถกลับมาลอยได้แล้ว แต่ว่าทิศทางและการจราจรยังไม่คืนสู่สภาพเดิม ในแง่ของผลกระทบธุรกิจไทยนอกจากการส่งออกแล้ว ต้องจับตามดูเรื่องราคาน้ำมัน และตลาดหุ้นกลุ่มบริษัทส่งออกให้ดี ๆ !