“บิ๊กป้อม” ตั้ง “ธรรมนัส” คุมบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน เร่งแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน พื้นที่ป่าปลายคลองห้วยไคร้-พระสะทึง จ.สระแก้ว / ป่าดงเซกา จ.นครพนม เพื่อให้ราษฎรมีที่อยู่ที่ทำกินใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง
วันที่ 5 ก.พ.64 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทาง และมาตรการการบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรดิน ครั้งที่ 1/2564 ที่ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผอ. สำนักนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมประชุมด้วย
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรองนายกฯเปิดเผยว่า ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เป็นประธานคณะทำงาน ติดตาม และขับเคลื่อนนโยบาย แนวทาง และมาตรการการบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรดิน พร้อมทั้งพิจารณาเกี่ยวกับเรื่อง การจำแนกประเภทที่ดิน (ขอเปลี่ยนแปลงมติ ครม.เดิมเฉพาะแห่ง) ได้แก่ การจำแนกพื้นที่ป่าไม้ถาวร "ป่าปลายคลองห้วยไคร้-พระสะทึง" จ.สระแก้ว ออกจากเขตป่าไม้ถาวรให้เป็นที่ทำกินของราษฎร หรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น มีเนื้อที่ประมาณ 10,805 ไร่ และจำแนกพื้นที่ป่าไม้ถาวร "ป่าดงเซกา" จ.นครพนม มีเนื้อที่ประมาณ 1,648 ไร่ เพื่อใช้ประโยชน์ในทางราชการ
โดยเห็นชอบให้คณะทำงานติดตาม และขับเคลื่อนนโยบายฯ ทำการตรวจสอบข้อมูลเสนอ คณะอนุกรรมการฯ ต่อไป และได้มีการพิจารณา การเร่งรัดจำแนก ประเภทที่ดิน ในพื้นที่ป่าไม้ถาวร นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่ยังไม่ได้ดำเนินการสำรวจ และจำแนกประเภทที่ดิน อย่างละเอียด มีเนื้อที่ประมาณ 6.3 ล้านไร่
โดยที่ประชุม ได้มีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.)โดยกรมพัฒนาที่ดิน ดำเนินการเร่งรัดสำรวจ การจำแนกประเภทที่ดิน เพื่อให้ประชาชนผู้ยากไร้ได้รับประโยชน์ อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม โดยเร็ว ต่อไป
พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.)ให้ประสานงาน กับ กษ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัด แก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อน และยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ดินทับซ้อน ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน มุ่งให้มีที่ทำกิน/ใช้ประโยชน์ อย่างถูกต้อง ทั่วถึง และเป็นธรรม พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลนี้ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อย่างเด็ดขาด
ที่มา : FB Wassana Nanuam