อธิบดีกรมป่าไม้ จูงมือ ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ แจ้งความเพิ่มเติม นางสมพร จึงรุ่งเรื่องกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ ใช้เอกสารที่ออกโดยมิชอบมาครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี จำนวน 2,154-3-82 ไร่
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อม นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกันแถลงแจ้งความเพิ่มเติม นางสมพร จึงรุ่งเรื่องกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ ใช้เอกสารที่ออกโดยมิชอบมาครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี จำนวน 2,154-3-82 ไร่
โดยนายอดิศร กล่าวว่า กรมป่าไม้ ได้ขยายผลสืบสวน สอบสวนต่อเนื่องจากข้อมูลเดิมที่ได้ดำเนินการไว้ กรณีที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรื่องกิจ หลังจากที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2563
ที่ผ่านมา พบว่า ยังมีการนำเอกสารสิทธิที่ดินประเภท นส.3 ก ที่เป็นเอกสารที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกจำนวนมาก ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 60 ฉบับ รวมเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ นำมายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ จ.ราชบุรี
ป่าไม้ แจ้งความ ทวี-ปารีณา พ่อลูกตระกูลไกรคุปต์ ข้อหาบุกรุกป่าสงวน
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า ผลการตรวจสอบ พบว่า พื้นที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์ อยู่ในท้องที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่เนื้อที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 3 พันไร่เศษ มีการใช้ประโยชน์โดยปลูกยูคาลิปตัสต่อเนื่องทั้งพื้นที่ สืบทราบมีการจ้างเฝ้าดูแลพื้นที่โดยกลุ่มบุคคลในพื้นที่ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ด่านท่าตะโก สืบสวนสอบสวนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดถูกครอบครองโดยใช้เอกสารสิทธิประเภท นส.3 ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 60 ฉบับ และตรวจสอบพบผู้ครอบครอง นส.3 ก คือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่ เป็นของ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ และของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ รวมเนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเอกสารทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (ส.ค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 หรือก่อนที่จะมีการออกเอกสาร นส.3 ก ทั้ง 60 ฉบับ จึงเป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายอดิศร กล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าปรากฏชื่อผู้ครอบครอง 3 ราย คือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึ่งรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำเอกสารนำเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนำมายึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการกระทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เสียหายต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน นส.3 ก ทั้ง 60 แปลงเนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่ประกอบด้วย นายวานิภพ ธรรมวิเศษ เป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์สอบสวน นายรวม ชลิตโกมุท เป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาคสนาม นายไพโรจน์ รัตนวิสาลนนท์ เป็นผู้ควบคุมสาย นายโกศล ลักษิตานนท์ เป็นผู้ลงนามเห็นควรออก นส.3 ก นายเฉลิมวงศ์ สรรพศิริ ปลัดอำเภอ ทำการแทนนายอำเภอจอมบึง เป็นผู้ลงนามคำสั่งให้ออกเอกสาร นส.3 ก ตั้งแต่ช่วงปี 2521 โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วตามรายละเอียดข้างต้นจึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่เชื่อได้ว่า เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมวลกฎหมายที่ดินตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และประมวลกฎหมายอาญากับนางสมพร น.ส.ชนาพรรณ นายธนาธร และเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันกระทำความผิดอีก 5 คน รวมทั้งฟ้องแพ่ง จำนวน 147,063,223.15 บาทด้วย
นายอดิศร กล่าวว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบบันทึกการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดินกับผู้ซื้อขาย มีการบันทึกถ้อยคำว่า ข้าพเจ้ารับทราบอยู่แล้วที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอาจมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในวันข้างหน้า แต่ก็ยังมีการยืนยันจะซื้อขายต่อ จึงเป็นการเจตนายืนยันครอบครอบที่ดินโดยมิชอบ และเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้