ลุงพลเผย เตรียมพา ทนายตั้ม ขึ้นภูเหล็กไฟจันทร์นี้เก็บข้อมูลเตรียมหากตกเป็นผู้ต้องหา ยัน พร้อมรับทราบ 2 ข้อหาตามหมายเรียกทั้งคดีไม้มะค่า เเละทำร้ายนักข่าว
นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล เปิดเผยถึงกรณี ที่ตร.จะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหา 2 คดี คือ คดีไม้มะค่าแต้ ที่ครอบครองโดยผิดกฎหมาย เเละ คดีทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าว
นายไชย์พล บอกว่า หากตร.นำหมายเรียกมาให้ก็พร้อมรับ ยืนยันจะไม่หนีไปไหน พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่กังวลใจใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนคดีของน้องชมพู่ที่ว่าจ้าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เป็นทนายความส่วนตัว ยังยืนยันว่า ทนายตั้ม จะเดินทางในวันจันทร์ ที่25มค.นี้ และจะร่วมขึ้นภูเหล็กไฟ จุดพบศพน้องชมพู่ เพื่อพิสูจน์ ข้อสงสัยนำข้อมูลไปประกอบในการสู้คดี หากลุงพลต้องตกเป็นผู้ต้องหา
สำหรับเส้นทางขึ้นภูเหล็กไฟ ลุงพลยืนยันว่าจะใช้เส้นทางป่าสวนยางข้างบ้านน้องชมพู่ เป็นเส้นทางหลัก ที่ชาวบ้านรู้จักดี และ มองว่าการขึ้นภูเหล็กไฟ ใช้ได้เพียงแค่เส้นทางนี้ แต่สภาพป่าตอนนี้ รกมาก เพราะไม่มีคนขค้นไปนานแล้วตั้งแต่เกิดคดีน้องชมพู่
ส่วนปัญหาเรื่องการสร้างพญานาค ที่ถูกนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ร้องเรียนว่าบุกรุกป่าสงวน ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ก่อสร้างหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ แม้ทาง นายพิเชษฐ์ สุขสบาย หน.อุทยานเเห่งชาติภูผายล จะออกมาเปิดเผยว่า พื้นที่สร้างพญานาค ไม่ได้ใช่พื้นที่อุทยาน แต่นายวีระ ใสแก้ว เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 เปิดเผยว่า ข้อมูลเบื้องต้นหมู่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงภูพาน แต่สำหรับพื้นที่ของลุงพลที่ใช้ในการก่อสร้างวังพญานาคตามที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี จะเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งลุงพลไม่ได้มีสิทธิถือครองที่ดินตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะลงพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบพิกัดและเอกสารรที่เกี่ยวข้องเร็ววันนี้
โดย ลุงพล กล่าวว่า หากการสร้างพญานาคเป็นป้ญหา ก็จะยกให้กับทางจังหวัดเป็นคนดูแล เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจ.มุกดาหาร เพื่อสาธารณประโยชน์ของประเทศไทย